คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ระบุ การสั่งไม่ฟ้องคดี “บอส” เป็นการดำเนินการอย่างถูกต้อง โดย ยึดปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ ส่วนคดีเสพโคเคน-ขับรถเร็ว ยังไม่หมดอายุความ เสนอให้ดำเนินคดีได้
วันที่ 4 ส.ค.63 ที่ สำนักงานอัยการสูงสุด มีการแถลงข่าวผลการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการสั่งไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ “บอส อยู่วิทยา” ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ขับรถชนตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 ที่มีนายสมศักดิ์ ติยะวานิช รองอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นหัวหน้าคณะทำงานฯ โดย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดในฐานะเลขานุการคณะทำงานแถลงว่า ประเด็นตรวจสอบของคณะทำงาน คือ การพิจารณาสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธเป็นไปตามข้อกฎหมายหรือไม่อย่างไร มีเหตุผลในการสั่งคดีนี้อย่างไร และความเห็นของคณะทำงานเกี่ยวกับคดี
ผลการตรวจสอบ กรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้อง พบว่า
1. การที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องของสำนักงานอัยการสูงสุด ทุกประการ
2. การสั่งคดีของนายเนตร นาคสุข เกี่ยวกับความเร็วรถ คณะทำงานพิจารณาสำนวนโดยละเอียดแล้วมีความเห็นว่า ผลการตรวจเลือดพบสารโคเคน ซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษ จึงให้เสนออัยการสูงสุดดำเนินคดีนี้ เพราะยังไม่ขาดอายุความ
3. พยานสำคัญชี้นหนึง มีการให้ข้อเท็จจริงของ ดร.สุธน ภาควิชาฟิสิกซ์จุฬาฯ ที่ได้รับเชิญจากกองพิสูจน์หลักฐาน ในคดีนี้ด้วย และลงพื้นที่วันนั้นด้วย และมีความเห็นทางวิชาการเป็นรายงานด้วย จึงเป็นหลักฐานใหม่ทางคดี ที่จะรื้อคดีของนายบอสใหม่ คณะทำงานจึงเสนอให้อัยการสูงสุด ฟ้องคดีโคเคน และขับรถเร็ว เพื่อเป็นหลักฐานใหม่ในการดำเนินคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่ คณะทำงานชุดนี้ ของทีมรองอัยการสูงสุด ที่มี นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะเลขานุการแถลงข่าวว่า การไม่สั่งฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา เป็นการพิจารณา โดยยึดหลักกฎหมาย ปรากฏว่า มีกระแสต่อต้านอย่างรุนแรง ในสื่อโซเชียล ระบุว่า เป็นการพิจารณาคดี ที่จงใจช่วยเหลือ ผู้กระทำผิด ให้รอดพ้นการทำผิดกฎหมาย มีความพยามดองคดี มาอย่างยาวนาน เมื่อกฎหมายเป็นอย่างนี้ เราจะหาความยุติธรรมได้ที่ไหน โดยส่วนใหญ่ ต่างเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจ สั่งให้รื้อคดีเพื่อพิจารณาใหม่