“เรืองไกร” ร้อง ป.ป.ช. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ครม. กับ สนช. ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อครั้งพ้นตำแหน่งเดิม และ เข้ารับตำแหน่งใหม่
วันที่ 2 ส.ค.63 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่า จนท.สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มาประชุมกับอนุกรรมาธิการ แผนบูรการ 1ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณา ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2564 เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 ชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 ซึ่งเป็นวันใช้บังคับรัฐธรรมนูญนั้น ปรากฎว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม คณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิ้นคราวเมื่อพ้นจากตำแหน่งเดิม และคราวเข้ารับตำแหน่งใหม่
และตั้งข้อสังเกตถามเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ด้วยว่า ทำไม ปัจจุบัน ป.ป.ช.ยังมีการฟ้องร้องนักการเมืองที่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2542 เพื่อให้ศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาอยู่ แสดงว่า ป.ป.ช. ยังใช้ พ.ร.ป.ป.ป.ช. 2542 ดำเนินการต่อไปแต่กลับไม่ใช้ดำเนินการกับ ครม.ประยุทธ 1 และ สนช. ทั้งที่มีคำวินิจฉัยผูกพันไว้ และมีคำพิพากษาศาลฎีกานักการเมืองเป็นบรรทัดฐานแล้วหลายคดี
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า ตนติดตามเรื่องนี้มานานพอควร และรอให้ มาตรา44 สิ้นสภาพไปก่อน ประกอบกับบ้านเมืองมีปัญหาเรื่องงบประมาณปี 2563 ล่าช้า และเกิดวิกฤติโรคโควิด-19 จึงรอเรื่องไว้ ดูว่าจะมีใครดำเนินการเรื่องนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่มี เมื่อปรึกษาหารือเรื่องนี้กับทนายความและอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาแล้วเห็นตรงกันว่าเรื่องนี้มีมูลที่ควรส่งให้ศาลตัดสิน ดังนั้น ขณะนี้สมควรแก่เวลาที่ต้องขอให้ ป.ป.ช.อย่านิ่งเฉย ต้องรีบส่งศาลฎีกานักการเมืองพิพากษาว่าจะตัดสิทธิทางการเมืองของ ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช. หรือไม่
ถึงเวลาที่ต้องดำเนินการเรื่องนี้ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายโดยเร็ว ไม่ปล่อยให้คดีขาดอายุความ ทั้งนี้ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อให้ ป.ป.ช.รีบมีมติส่งเรื่องกรณี ครม.ประยุทธ์ 1 และ สนช. ที่ตำรงตำแหน่งอยู่ต่อไปแต่ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาพิพากษาว่า จะตัดสิทธิทางเมืองพล.อ.ประยุทธ์ กับพวก ฐานจงใจไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินฯ ต่อ ป.ป.ช.หรือไม่.
