ประชุมใหญ่ ปชป. เดือดพลั่ก ‘อันวาร์’ ตอกย้ำแผล พรรคตกต่ำ ชี้ ตราบาป “ดีแต่พูด-เอาตีใส่ตัว” ฉะยับ “จุรินทร์-เฉลิมชัย” สวนทาง อดีตหน.พรรคปชป. ที่ประกาศจะไม่ร่วม รัฐบาล กับ “พล.อ.ประยุทธ์” จุดประเด็นรุนแรง โดนสวนกลับ พรรคปชป.มีจุดยืน
วันที่ 19 ก.ค. 63 เวลา 10.00 น.ที่ รร.รามาการ์เด้น ถ.วิภาวดี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2563 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมอย่างคึกคัก ทั้งผู้บริหาร ส.ส. อดีต ส.ส. และสมาชิกพรรค อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฏฐ์ หัวหน้าพรรค, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค, นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค, และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค
นายจุรินทร์ กล่าวเปิดการประชุม โดยมีนายเฉลิมชัยร่วมดำเนินการประชุมตามระเบียบวาระต่างๆ เริ่มจากรายงานรายได้ประจำปีของพรรค ซึ่งนายชนะ รุ่งแสง สมาชิกพรรค ได้ถามในที่ประชุมถึงการทำงานของพรรคในตอนนี้ว่ามามีคนดีคนเก่งของพรรคปฏิบัตินหน้าที่ใดๆ อย่างภาคภูมิสมเกียรติมากน้อยเพียงใด
นายจุรินทร์ ตอบว่า ปีที่ผ่านมาเรา ผ่านการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2561 ผลการเลือกตั้งที่ปรากฎว่าได้ ส.ส. มา 52 คน ประชาธิปัตย์ถือเป็นพรรคที่มีจำนวน ส.ส. ลำดับ 5 ดังนั้นหลังการเลือกตั้งการที่พรรคจะตัดสินใจดำเนินการทางเมืองอย่างใดอย่างหนึ่งย่อมมีข้อจำกัดที่แตกต่างไปจากเดิม เหมือนที่เคยมี ส.ส. ถึง 160 คน ข้อจำกัดคือถ้าประสงค์จะเป็นรัฐบาล โอกาสที่เป็นแกนนำจัดตั้งยากเพราะเสียงไม่มีมากพอ ขณะเดียวกันถ้าประสงค์ไปทำหน้าที่ฝ่ายค้านก็ไม่สามารถไปอยู่สถานะของความเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาได้อีกเหมือนที่เคยเป็น แต่ทั้งหมดก็ใช่ว่าในอนาคต ปชป.จะโตต่อไปอีกไม่ได้ ตนยังมั่นใจว่าจะโตต่อไปได้อีกในวันข้างหน้า แต่อย่างใดก็ตามนอกเหนือจากอุดมการณ์ยังต้องมีผลงาน และความเป็นเอกภาพ สำหรับอุดมการณ์มีคนถามอยู่ว่าระหว่างนี้เรายังมีอุดมการณ์อยู่หรือไม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคขอตอบแทนทุกคนว่ามี เพราะมันคือรากแก้วของความเป็นเรา ชาวประชาธิปัตย์ ถ้าไม่มี ปชป.ก็ไม่ต่างจากต้นไม้ไร้ราก อุดมการณ์ ตนเชื่อว่าทุกคนคงเคยจำเพลงพรรคได้ “พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์ ขอรับใช้ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อตรงไม่โกงไม่กิน”
ต่อมานายอันวาร์ สาและ รองเลขาธิการ และ ส.ส.ปัตตานี ยกมือขอแสดงความเห็น โดยระบุว่า พรรคเปลี่ยนโลโก้พรรคโดยตัดพุทธภาษิตออก ทำร้ายจิตใจของสมาชิกพรรค นอกจากนี้ยังกล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีแนวโน้มตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง และไม่มีวี่แววพลิกฟื้นในอนาคตอันใกล้นี้ เป็นเพราะ ว่าพรรคเดินผิดทาง เปลี่ยนโอกาสเป็นวิกฤต ส่งผลให้แพ้เลือกตั้ง สูญเสียที่นั่ง ส.ส.ทุกเขตเลือกตั้ง โดย เฉพาะอย่งยิ่งในพื้นที่ กทม.ที่แพ้เลือกตั้งจนเหลือศูนย์ “ผมวิเคราะห์เหตุแห่งความตกต่ำของพรรคประชาธิปัตย์ว่ามาจากประชาชนผิดหวังกับการกระทำของพรรค และพรรคไม่สมารถลบล้างข้อครหาที่เป็นตราบาปของพรรคได้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีแต่พูด-เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้เพื่อน ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในระหว่างสมาชิกพรรค” ระหว่างที่นายอันวาร์กำลังพูด นายวิรัช ร่มเย็น นายทะเบียนพรรค ลุกขึ้นประท้วงว่าประเด็นของนายอันวาร์ควรเอาไปพูดในวาระอื่นๆ แต่นายอันวาร์ยืนยันว่าสิ่งที่จะพูดเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์พรรค นายจุรินทร์ จึงยอมให้พูดต่อ
ทั้งนี้นายอันวาร์ กล่าวว่าที่ผ่านมาคนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ดีแต่พูด ซึ่งหากดูเหตุการณ์ ที่นายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรค กล่าวก่อนการเลือกตั้งว่า จะไม่สนับสนุนพลเอก ประยุทธ์ แต่กลับมีมติพรรคให้โหวต รับพลเอก ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ประชาชนเสียศรัทธา ดังนั้นจึงต้องสร้างความศรัทธากลับคืนมาให้ประชาชน อีกทั้งพลเอก ประยุทธ์ เองเคยบอกว่านักการเมืองเลว จะปฏิรูปการเมืองก็ไม่ได้ทำ ออกรัฐธรรมนูญมาเอื้อประโยชน์ให้ตนเอ งและเอาเปรียบทุกพรรค ภาพพจน์ของรัฐบาล ก็เห็นชัดกันอยู่ว่าดีหรือไม่ดี ทั้งกรณีของฌอน บูรณหิรัญ และ ม็อบเยาวชน หรือ แม้กระทั่งกรณีของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เป็นประเด็นที่ต้องมาคุยกันในพรรคว่าประชาชนรู้สึกอย่างไร และแสดงให้เห็นว่าพรรคไม่ละเลย พรรคพร้อมอยู่เคียงข้างประชาชน พรรคเป็นพรรคร่วมรัฐบาล เราได้ทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยแล้วหรือไม่ หรือว่าพรรคทำตามสั่ง เดิมพรรคก็ตกต่ำอยู่แล้ว แต่พอร่วมรัฐบาลแล้วภาพลักษณ์จะเป็นอย่างไรต่อ
ตนประกาศว่าไม่ขอรับตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้นใน ครม. ไม่ต้องกังวลว่าจะแย่งของใคร เพราะมีข่าวลือว่าที่ตนอยากเสนอเปิดประชุมพรรค เพราะต้องการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องปัญญาอ่อน ตนไม่ใช่คนชั่ว เหมือนกับคนที่เอามาพูด พวกนั้นเป็นคนที่เก่ง แต่การนินทาลับหลัง แต่ตนต้องการไม่ให้พรรคเลือดไหล คนเก่งออกไปมากกว่านี้ ทุกวันนี้หลายคนรู้ว่าพรรคตกต่ำ แต่ไม่เคยเสนอทางแก้ ใครออกมาเสนอก็โดนใส่ร้าย
ขณะที่นายจุรินทร์ แย้งว่า นายอันวาร์ เป็น ส.ส. และรองเลขาธิการพรรค เวลาพูดอะไรต้องใช้ดุลยพินิจ ไม่ควรพาดพิงพรรคอื่นหรือคนอื่น ต้องไตร่ตรองว่าควรหรือไม่ควร แต่นายอันวาร์ ยืนยันว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นไปตามข่าว จากนั้นนายอันวาร์ จึงเปลี่ยนภาพสไลด์จากเพื่อไทยและก้าวไกลที่แม้จะเป็นพรรคใหม่แต่คนเลือก เป็นคำว่า “พรรคประชาธิปัตย์ควรแก้ที่คน ไม่ใช่แก้ที่โลโก้” พร้อมกล่าวต่อว่า ต้องทำให้พรรคประชาธิปัตย์หวังและพึ่งได้ พรรคต้องยึดมั่นในอุดนการณ์ที่บรรพบุรุษให้ไว้อย่างเคร่งครัด ยึดมั่นสัญญากับประชาชนและยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องที่บอกว่าคนกลัวว่านายอันวาร์ต้องการเป็นรัฐมนตรี ขอชี้แจงว่า คุยกับ ส.ส. หลายคนไม่มีใครกลัวเรื่องนี้ ตนยอมรับว่าไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ แต่เราต้องรับมาปรับปรุง กรรมการบริหารพรรคพร้อมที่จะรับฟังความเห็น และนำไปปฏิบัติ ส่วนกรณีที่บอกว่าพรรคดีแต่พูด ก็ต้องพิจารณาจาก กรณี พรรคแพ้เลือกตั้ง จากนโยบายของนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ เป็นแนวทางของนายอภิสิทธิ์ ทุกคนเดินตามหัวหน้า เพราะเราคือประชาธิปัตย์ เมื่อแพ้เราก็ยอมรับ และหาทางออก ไม่ใช่ตำหนิอย่างเดียว อันนี้เรียกว่าดีแต่พูด และเมื่อประชุมกรรมการบริหารพรรคใหม่ ก็มีแนวทางและเป็นไปตามกฎระเบียบของพรรค ส่วนประเด็นการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ถ้าไม่ให้คนอื่นว่า ก็ต้องไม่ทำตัวเอง ถ้าไม่ให้คนด่าพรรคเรา เราต้องไม่ทำตัวเราเอง ประชาธิปัตย์ ที่ยังยืนอยู่ได้ และเป็นจุดแข็ง คือ พรรคไม่มีเจ้าของที่แท้จริง ทุกคนเป็นเจ้าของพรรค