ดร.วินัย ยืนยัน คณะกรรมการกลางฯ มีหลักฐานชัด หลอกขายหมูมุสลิม ระบุ อ้างมุสลิมปาทานเชือด เพื่อให้น่าเชื่อถือ มุสลิมนำมาขายด้วยความเชื่อถือกันเอง ระบาดเกือบทั่วกรุงเทพฯนานหลายเดือน
วันที่ 3 กรกฎาคม ที่มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย คลองตัน ทางศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมกับสถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงข่าว การหลอกหลวงมุสลิมด้วยการนำหมูปลอมเป็นเนื้อ โดยดร.วินัย ดะลันห์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล ได้รับตัวอย่างเนื้อถูกส่งมาให้ตรวจ ชาวบ้านสงสัยว่า เป็นเนื้อจริงหรือเป็นหมู ตั้งเดือนเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จนถึงเดือนกรกฎาคม แม้ในช่วงที่เป็นข่าวแล้ว ก็ยังมีการขายหมูหลอกว่าเป็นเนื้ออยู่ โดยจากตัวอย่างที่มีการส่งเข้ามา 8 ตัวอย่าง พบว่า เป็นหมู 7 ตัวอย่าง มีเพียงตัวอย่างเดียวที่ส่งมาจากเขตวัฒนาที่เป็นเนื้อ
เนื้อที่ส่งมาจาก ร้านก๋วยเตี๋ยว ย่านประเวศ เมื่อ 17 ก.พ. พบว่า เป็นเนื้อหมู เนื้อขายออนไลน์ย่านบึงกุ่ม ตรวจสอบพบเป็นเนื้อหมู จากกรุงเทพกรีฑา เป็นเนื้อหมู จากคณะกรรมการกาลอิสลามฯ ที่เก็บตัวอย่างจากย่านหนองจอก-มีนบุรี เป็นเนื้อหมู จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม ซึ่งเป็นข่าวแล้ว ก็ยังมีการหลอกขายเนื้อหมู
‘เท่าที่ทราบมีการส่งขายย่านในพื้นที่กรุงเทพฯ ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา สมุทรปราการ มีอ้างว่า เป็นโรงเชือดจากลพบุรีบ้าง สระบุรีบ้าง มีมุสลิมปาทานเป็นคนเชือด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ และบางแห่งส่งผ่านคนขายเนื้อมุสลิม ซึ่งมุสลิมจะไม่หลอกลวงกันเอง นอกจากไม่รู้ แต่ไม่มีใครตรวจสอบไปยังต้นทางว่า เป็นโรงเชือดจริงหรือไม่ ซึ่งบรรดาเขียงเนื้อรายย่อย ไม่สามารถที่จะตรวจสอบได้ อาศัยความน่าเชื่อถือ ซึ่งในอนาคตศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จะเข้าไปดูแลให้มีการขายเนื้อจากโรงเชือดที่ได้รับการรับรองฮาลาลเท่านั้น’ ดร.วินัย กล่าว
ดร.วินัย กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ ก็จะทำให้เนื้อหมูมีลักษณะใกล้เคียงเนื้อวัว มีการนำหมูแก่มาขาย มีการใช้เลือดวัวทาเนื้อหมู เป็นต้น ซึ่งมุสลิมที่ไม่เคยกินเนื้อหมูจะไม่รู้ แต่คนพุทธที่เขากินแล้วจะรู้ว่า ไม่ใช่เนื้อวัว
‘เนื้อหมูที่ปลอมเป็นเนื้อวัว จะผู้ซื้อจะนำไปปรุงอาหาร มีร้านก๋วยเตี๋ยว มีร้านอาหารตามสั่ง เป็นเมนูกะเพราเนื้อ ซึ่่งจริงๆ เป็นหมู ซึ่งร้านมุสลิมที่นำมาขายด้วยความไม่รู้ เมื่อรู้ก็รู้สึกผิด บางคนนอนไม่หลับ บางคนต้องปิดร้านเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบ’ ดร.วินัย กล่าว และว่า ตอนนี้เรามีหลักฐานชัดเจนในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ส่วนข้อหาอะไรบ้าง ฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการกลางฯ กำลังพิจารณา คงใช้เวลาอีกไม่นาน
‘ชัดเจนที่สุดคือการละเมิดสิทธิ์ของมุสลิม วึ่งถาครัฐจะต้องเข้ามาช่วยสร้างความเชื่อมั่น โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 ที่มีคนใชเบริการซื้ออนไลน์จำนวนมาก หากเกิดความไม่น่าเชื่อถือก็จะส่งกระทบกันหมด’ ดร.วินัย กล่าว