อิสลามในอินเดีย เข้าไปตั้งแต่ยุคศาสดา ปกครอง 800 ปี มีมุสลิมมากอันดับ3ของโลก

“การเข้ามาของศาสนาอิสลามในอินเดีย”

ปัจจุบันศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่มีผู้นับถือมากเป็นลำดับที่สองในประเทศอินเดีย มีผู้นับถือศาสนาอิสลามร้อยละ 14.2 ของจำนวนประชากรทั้งหมด หรือประมาณ 189 ล้านคน* ทำให้อินเดียที่มีมุสลิมมากที่สุดเป็นลำดับสามของโลกรองจากอินโดนีเซียและปากีสถาน และเป็นประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในโลก

ศาสนาอิสลามเริ่มเข้ามาในอินเดียในศตวรรษที่ 7 ในยุคสมัยที่ท่านศาสดามุฮัมหมัดยังมีชีวิตอยู่ ศาสนาอิสลามเข้าสู่อินเดียสองทางคือทางเรือและทางบก

ในศตวรรษที่ 7 บรรดาพ่อค้าชาวอาหรับมุสลิมนำเรือข้ามทะเลอาหรับมาขึ้นฝั่งบริเวณภาคใต้ในรัฐเกรละ (Kerala) ต่อมาในศตวรรษที่ 12 นักรบชาวเปอร์เซีย อัฟกัน และเติร์ก นำศาสนาอิสลามเข้าสู่ชมพูทวีปทางตอนเหนือในศตวรรษที่ 12 เป็นการเริ่มต้นยุคสมัยแห่งการยึดครองและปกครองอินเดียโดยชาวมุสลิม ส่วนนักการศาสนานั้นเข้ามาทั้งทางเรือและทางบก ทั้งทางภาคใต้และทางภาคเหนือ**

ดังนั้นมุสลิมในอินเดียจึงแบ่งออกเป็นสองจำพวกได้แก่ ชาวมุสลิมต่างชาติที่อพยพมาอยู่อาศัยในอินเดีย และชาวอินเดียที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลาม มุสลิมในอินเดียจึงเกิดจากการผสมผสานของของชาติพันธุ์ต่าง ๆ มานานนับพันปี จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ สังคม และการเมืองของอินเดีย

ชาวมุสลิมต่างชาติที่เข้ามาในอินเดียนั้นประกอบด้วยคนสี่จำพวก คือพ่อค้า นักการศาสนา นักปกครอง และบรรดาไพร่พลของนักปกครอง

การเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามของคนท้องถิ่นนั้นมีสองปัจจัยสำคัญคือ 1) จากการเผยแพร่ศาสนาและ 2) จากการแต่งงาน

แต่จำนวนชาวมุสลิมเพิ่มขึ้นระลอกใหญ่นั้นมาจากการเผยแพร่ศาสนาอิสลามโดยนักการศาสนา ซึ่งสามารถชักจูงให้ชาวอินเดียซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดูเข้ารับศาสนาอิสลามจำนวนมาก ผ่านนักการศาสนาคนสำคัญเช่น มุอีนุดดิน ชิชตี (Moinuddin Chishti) ในศตวรรษที่ 12 และชาห์ วาลียุลเลาะห์ (Shah Waliullah Dehlawi) ในศตวรรษที่ 18 ชิสตีเป็นผู้นำมุสลิมสายบาเรลวีที่นับถือนักการศาสนาเสมือนนักบุญ เชื่อเรื่องการสักการะและวิงวอนขอต่อนักบุญผู้ล่วงลับ กลุ่มนี้ในเมืองไทยเช่นสายโต๊ะตะเกี่ย ส่วนชาห์ วาลียุลเลาะห์ เป็นผุ้นำมุสลิมสายดิวบัน (Deoband) ซึ่งเน้นการฟื้นฟูศาสนาให้บริสุทธิ์ปราศจากอุตริกรรม

ชาวฮินดูวรรณะล่างซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุด เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามจำนวนมาก เนื่องจากคำสอนของศาสนาอิสลามที่เน้นเรื่องความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน คนที่เปลี่ยนศาสนามานับถืออิสลามก็คือคนที่ต้องการหลบหนีจากระบบวรรณะของฮินดูมาเข้ารับศาสนาจากต่างแดนที่ไร้ซึ่งแนวคิดวรรณะ อย่างไรก็ตามวรรณะคือระบบที่ฝังลึกในจารีตสังคม ดังนั้นแม้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามแล้วแต่คนกลุ่มนี้ยังคงบางจารีตของระบบวรรณะไว้เช่นเรื่องอาชีพและการแต่งงาน ส่วนมุสลิมผู้ปกครองนั้นก็ได้ประโยชน์จากระบบชนชั้นดังกล่าว สร้างความมั่นคงให้แก่อำนาจผู้ปกครองและรักษาระเบียบไว้ในสังคม

ศาสนาอิสลามที่เข้ามาทางเรือในตอนใต้ของอินเดียได้กลายเป็นศาสนาของผู้ปกครองท้องถิ่นด้วย ในศตวรรษที่ 7 ปรากฏหลักฐานว่าเชอรามาน เปรูมาล ตาญุดดีน (Cheraman Perumal Tajuddin) กษัตริย์เกรละซึ่งเดิมนับถือศาสนาฮินดู ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามภายหลังจากเดินทางไปพบกับศาสดามุฮัมหมัด โดยมีหลักฐานคือมัสยิดเชอรามาน เปรูมาล (Cheraman Perumal Mosque) ซึ่งสร้างในปีค.ศ. 629 โดยมาลิก บิน ดีนาร์ (Malik Bin Dinar) ซึ่งเป็นสาวกชาวเปอร์เซียของท่านศาสดามุฮัมหมัด ตามความประสงค์ของกษัตรย์เชอรามาน เปรูมาล ตาญุดดีน เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดชมพูทวีป ***

อย่างไรก็ตาม การปกครองโดยชาวมุสลิมในบริเวณกว้างของอินเดียเริ่มต้นในศตวรรษที่ 12 โดยมุสลิมเชื้อสายเตอร์กิชและอัฟกันจากเอเชียกลางและอิหร่าน ที่ขยายอาณาจักรเข้ามาในอินเดียและยึดครองอินเดียในวงกว้างได้นับตั้งแต่รัฐสุลต่านแห่งเดลี โดยมีราชวงศ์แตกต่างกันตามช่วงเวลาทั้งหมด 5 ราชวงศ์ ได้แก่
(1) ราชวงศ์มัมลูก (Slave dynasty; ค.ศ.1206–90)
(2) ราชวงศ์คัลญี (Khalji dynasty; ค.ศ. 1290–1320)
(3) ราชวงศ์ตุกลัก (Tughlaq dynasty; ค.ศ. 1320–
1413)
(4) ราชวงศ์ซัยยิด (Sayyid dynasty; ค.ศ. 1414–51)
(5) ราชวงศ์โลดี (Lodi dynasty; ค.ศ. 1451–
1526)

ในช่วงเวลานี้มีชาวมุสลิมเข้าไปปกครองอินเดียในบริเวณอื่นนอกเหนือจากอาณาจักรของรัฐสุลต่านแห่งเดลี เช่น รัฐสุลต่านแห่งเบงกอล (Bengal Sultanate) เริ่มต้นในปีค.ศ. 1352 และอาณาจักรมุสลิมทางอินเดียตอนใต้ เช่นรัฐสุลต่านบาห์มานี (Muslim Bahmani Sultanate) ซึ่งปกครองระหว่างปี ค.ศ.1347–1527

จนต่อมาเกิดนักรบมุสลิมเชื้อสายมองโกลก่อตั้งราชวงศ์โมกุลที่พิชิตอาณาจักรท้องถิ่นต่าง ๆ จนกลายเป็นจักรวรรดิโมกุล (The Mughal Empire) อันยิ่งใหญ่ ร่วมสมัยกับจักรวรรดิอื่นๆของโลกมุสลิมคือ จักรวรรดิออตโตมัน และจักรวรรดิซาฟาวิด(อิหร่าน) จักรวรรดิทั้งสามเป็นมหาอำนาจในโลกมุสลิมภายหลังการล่มสลายของอาณาจักรอับบาซียะห์ในโลกอาหรับ

จักรวรรดิโมกุลปกครองชมพูทวีปตั้งแต่ค.ศ. 1526-1857 โดยมีช่วงเวลาแห่งยุครุ่งเรืองในช่วงสองศตวรรษแรก
อินเดียถูกปกครองต่อโดยอังกฤษจนกระทั่งได้รับเอกราชในปีค.ศ. 1947

ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่ามุสลิมปกครองอินเดียอย่างกว้างขวางตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จนถึงศตวรรษที่ 19 โดยนักปกครองเหล่านี้คือคนที่มีต้นกำเนิดภายนอกอินเดีย มาสร้างความเจริญให้อินเดียกลายเป็นชาติที่เป็นมหาอำนาจและก้าวหน้า โดยเฉพาะในยุคสมัยราชวงศ์โมกุล การเข้ามาปกครองและตั้งถิ่นฐานในอินเดียทำให้ชาวมุสลิมเหล่านี้ได้หล่อหลอมรวมกับชาวพื้นเมืองเกิดการถ่ายทอดวัฒนธรรม ความเชื่อ ศิลปะ วัฒนธรรมต่อกัน จนทำให้ศาสนาอิสลามกลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมของอารยธรรมอินเดียจวบจนปัจจุบัน ผ่านสถาปัตยกรรม ภาษา วรรณกรรมและดนตรี

อ้างอิง
* Khurshid, Salman. (2019). Invisible Muslim Invisible Citizen: Understanding Islam in Indian Democracy. New Delhi: Rupa Publications. {p.12}
** Faridi, F. R.; & Siddiqi, M. M. (Ed). (1992). The Social Structure of Indian Muslims. New Delhi: South Asia books.
*** Kumar, Satish (ed.). (2010). India’s National Security: Annual Review 2009. New Delhi: Routledge. {p.346} และ Time of India. (May 31, 2015). Cheraman Juma Masjid: A 1,000-year-old lamp burns in this mosque. Retrieved 1 February 2020, from http://timesofindia.indiatimes.com/articleshow/47486911.cms…

ผู้เขียน: ดร.รุสตั้ม หวันสู