“จตุพร” เตือน อย่าแตะ ‘สถาบันกษัตริย์’ อวยพร วันเกิด “ยิ่งลักษณ์”

ประธาน นปช. เตือนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ต้องขีดเส้นใต้ให้ชัด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ พร้อม อวยพรวันเกิด ครบ53ปี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ให้กลับมาทำหน้าที่ เพื่อประเทศชาติอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ไม่เชื่อ “ลุงกำนัน” จะไม่ขอ นิรโทษกรรม คดี สั่งฆ่า คนเสื้อแดง

วันที่ 21 มิ.ย.63 ในรายการ “ลมหายใจ พีซทีวี เวทีทัศน์” นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวเตือนบรรดาหมู่มิตรและนักเคลื่อนไหวทั้งหลายว่า การขับเคลื่อนทางการเมืองในฐานะคนเคยผ่านทาง จะต้องขีดเส้นใต้ให้ได้ ว่าเอาเฉพาะเรื่องสามัญชนเป็นเรื่องของประชาชนไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายใดเราสามารถวิพากษ์วิจารณ์ในฐานะประชาชน แต่ต้องละเว้นและต้องไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะเป็นจุดที่เปราะบางและจะเกิดเรื่องต่างๆ มากมาย ดังนั้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ตนอยากส่งเสียงดังๆ ว่าการเคลื่อนไหวการแสดงออกทางการเมืองนั้นต้องเป็นเรื่องของประชาชนกับประชาชน ไม่ใช่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์

หากการเคลื่อนไหวในลักษณะอย่างนี้ในส่วนเฉพาะประชาชนเราจะมีภูมิต้านทาน แต่หากไม่รู้จักการขีดเส้น ท้ายที่สุดนำไปสู่ความพ่ายแพ้และหายนะซึ่งตนก็ไม่ต้องอธิบายว่าอะไรจะเกิดขึ้นเพียงแต่มุมมอง ณ ขณะนี้เราต้องระมัดระวัง เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือองคาพยพคือประชาชนที่ได้ร่วมทางในการต่อสู้ ดังนั้นในฐานะคนผ่านทางขอเตือนด้วยความห่วงใย

นอกจากนี้ ยังได้กล่าวอวยพรในวันคล้ายวันเกิดครบรอบอายุ 53 ปี ของ น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขอให้ผ่านพ้นทุกข์โศกและภัยอันตรายทั้งปวง และได้กลับมาทำหน้าที่ในการที่จะทำสิ่งดีงามให้กับประเทศชาติต่อไป ขอให้มีความสุขกันมากๆ

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวถึงการแสดงความเห็นกับกระแสข่าวการนิรโทษกรรม ว่า มีคนสอบถามตนมากมาย จากการที่สื่อบางฉบับได้นำเอาไปลงโดยอ้างข้อมูลจากฐานในซีกของผู้มีอำนาจ จนในที่สุดได้รับการปฏิเสธจากโฆษกรัฐบาล และทำให้เกิดความเห็นต่างๆ ขึ้นมากมาย

รวมถึงบางคนก็แสดงความคิดเห็นกันว่าการนิรโทษจะเป็นเหตุให้มีการช่วยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งกำลังใกล้จะติดคุกนั้น ตนถือว่าเป็นความเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะคดีของนายสุเทพ ยังคงอีกยาวไกล เนื่องจากคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมในปี 2556 และ 2557 คาดว่าจะมีการตัดสินจากศาลชั้นต้นคาดว่าอาจจะเป็นต้นปีหน้า ส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับโรงพักนั้นยังไปไม่ถึงศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ดังนั้น เพื่อความเข้าใจตรงกันว่า คดีของนายสุเทพนั้นยังห่างไกลในเรื่องคำว่าใกล้คุก เมื่อเทียบกับพี่น้องประชาชนคนเสื้อแดงซึ่งอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่นตนจะไม่เเสดงความเห็นว่า เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมเพราะว่าตนมีความเกี่ยวข้องอยู่ แต่อยากจะเล่าว่าในช่วงกว่า 10 ปีนี้ ไม่มีใครได้รับความทุกข์มากไปกว่าพี่น้องคนเสื้อแดงอีกแล้ว ซึ่งจริงๆ ก็ติดคุกกันทุกฝ่ายเพียงแต่ฝ่ายเสื้อแดงติดคุกกันจำนวนมากและจำนวนปีที่มากกว่า

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องที่ต้องคดีเรื่องเผาศาลากลางจังหวัด ไปตายในคุกก็มี ถูกลงโทษไม่สถานหนัก 33 ปี 4 เดือน ยังอยู่ในเรือนจำอีกหลายจังหวัดเป็นจำนวนมาก รวมถึงคดีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นในซีกของประชาชน หรือซีกของแกนนำทั้งที่ถูกคุมขังในคดีพัทยา และคดีอื่นรวมถึงอยู่ระหว่างรอการตัดสินของศาลฎีกาในวันที่ 26 มิถุนายนนี้ ดังนั้น เป็นห้วงเวลาของความยากลำบาก ในช่วงกว่า 10 ปีนี้ หลายคนคิดว่าได้เสร็จสิ้นและจบกันไปแล้ว แต่ความจริงผลพวงของเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นปี 52 และเหตุการณ์ปี 53 ก็ตามเรื่องราวก็ยังไม่จบ ในซีกของฝ่ายประชาชน ยังอยู่ในเรือนจำ ยังอยู่ในช่วงของการพิจารณาคดีอีกจำนวนมาก

แต่เมื่อมีการยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เชื่อว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเพราะตลอดระยะกว่า 10 ปีนี้ รวมกระทั่งเมื่อมีสถานการณ์ใดเกิดขึ้นเราก็มักจะได้รับการชวนคุยในเรื่องการปรองดองและความสมานฉันท์ ซึ่งก็เป็นที่ประจักษ์ว่าในส่วนของ นปช.นั้นให้ความร่วมมือมาโดยตลอด ตนพยายามอธิบายกับบรรดาหมู่มิตรว่าไม่ง่ายกับการเปรียบเสมือนที่มีตัวประกันอยู่ในเรือนจำเป็นจำนวนมาก บ้างก็หลบลี้หนีภัยก็เหลืออีกจำนวนมาก ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์อะไรกันนั้นตนในฐานะคนที่ยืนอยู่ในหัวแถวนั้นตนจะไม่ได้มองความรู้สึกซึ่งหน้าในขณะนั้นๆ เพราะเราผ่านความตายกันมามาก