นักวิชาการ ม.รังสิต ชี้ “บิ๊กป้อม” คือ “ไพ่ใบสุดท้าย” ของ พปชร.

นักวิชาการ ประเมิน พปชร.ล้างไพ่ เปิดทาง “บิ๊กตู่” ปรับ ครม. ยุตติบทบาท”อุตตม-สนธิรัตน์” จับตา แม่บ้าน พปชร.คนใหม่ ต้องเฟ้นบุคคลคุณภาพ เพื่อนำพรรคสู่ผู้นำการเมือง ก๊วน”อนุทิน” จ่อเคลื่อนไหว เพิ่มเก้าอี้ เชื่อ รัฐบาล ไม่ต่อ พรก.ฉุกเฉินฯ
ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึง กรณี 18 คณะกก.บริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลาออกทั้งคณะว่า สถานการณ์ในครั้งนี้เป็นใจให้คุณอุตตม สาวนายน และ คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พ้นตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค พปชร. ไปด้วย เท่ากับเป็นการยืดระยะเวลาที่ คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่อยากปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อจากนี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องใช้เวลา 45 วันในการหากรรมการพรรคชุดใหม่ ซึ่งตามระบบธรรมเนียมต้องมาพูดคุยกันว่าเลขาฯพรรคคนใหม่ จะต้องมีกระทรวงในความรับผิดชอบที่เหมาะสมกับหน้าตาพรรคอันดับ 1 ของรัฐบาล แน่นอนว่าคงไม่ใช่คุณสนธิรัตน์กลับมาอีกครั้ง
สถานการณ์นี้เป็นใจให้คุณประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นไพ่ใบเดียวที่อดีตกรรมการบริหารพรรคทั้ง 18 คนลาออกเพื่อเปิดทางให้คุณประวิตรเข้ามา ทั้งนี้ เมื่อคุณประวิตรขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคแล้ว ก็ต้องแก้เกมยุทธศาสตร์ในเชิงรุกทางการเมืองของ พปชร.เอง เพื่อสร้างเอกภาพในพรรคให้เป็นระบบ รวมทั้งเพื่อต้องการให้เป็นผู้รับอาสาเจรจาให้คนในพรรค ต่อ คุณประยุทธ์ เพราะคุณประยุทธ์ มีระยะห่างทางการเมือง ถูกวางให้เป็นบุคคลที่ไม่ให้เข้ามาแปดเปื้อนกับกิจกรรมทางเมืองใดๆ ดังนั้น คนที่แบกภาระหรือนำการเจรจาต่อรองต่างๆ จึงตกมาที่คุณประวิตรทั้งหมด
สิ่งที่สำคัญคือนักการเมืองต่างๆ คงรู้แล้วว่าอายุของรัฐบาลนี้ อีกทั้งกลไกอำนาจของวุฒิสมาชิก ที่ยังมีโอกาสเลือกนายกฯได้อีกครั้งหนึ่ง อย่างไรก็ยกมือให้คุณประยุทธ์อยู่แล้ว ดังนั้น นักการเมืองในพรรค พปชร.รู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางอื่นๆ โดยจำเป็น จำยอม จำใจ ที่ต้องสนับสนุนแนวทางนี้
อย่างที่กล่าวว่าสถานการณ์ในครั้งนี้เป็นใจ เนื่องจากฝ่ายค้านอ่อนแอลง ลดกำลังการตรวจสอบเยอะ ประกอบกับเสียงสนับสนุนจากผู้ที่แปรพักตร์เข้ามาอยู่พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย หรือ พรรคพลังท้องถิ่นไท จนมี 270 เสียง ทำให้พรรค พปชร.มั่นใจว่าไม่ต้องพะวงเรื่องการเมืองในสภาแล้ว จึงนำไปสู่การปรับเปลี่ยน ครม. เพราะขณะนี้รัฐบาลประยุทธ์อยู่มากว่า 1 ปีแล้ว
ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐก็ไม่อยากเสียเก้าอี้ตรงนี้ ทำให้ต้องไปมองคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ในพรรค ดังนั้น การบีบบังคับ กดดันต่างๆ ก็เพื่อดึงเก้าอี้ในสัดส่วนของ 4 ยอดกุมารกลับมาสู่ กลุ่มก๊วนอื่นๆ ในพรรค พปชร. เพื่อไม่ต้องลดโควต้า หรือ แจกเก้าอี้ที่ตัวเองต้องเสียโอกาสในการเป็นรัฐมนตรีมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ส่วนตัวมองว่า ทีมวางแผนของพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่าการเลือกคุณประวิตรเข้ามาเพื่อเป็นการต่อลมหายใจ อีกทั้งขณะนี้ภายในพรรคต้องการความสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ เพราะจะต้องเจอศึกหนักด้านการฟื้นฟูต่างๆ หลังจากนี้อาจต้องมีการพูดคุยเรื่องดึงเก้าอี้โควต้าบางกระทรวงกลับมาสู่ พปชร. เพราะพลังประชารัฐ ต้องปรับรื้อเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงเศรษฐกิจของตัวเอง เพื่อให้ตัวเองทำงานอย่างเป็นเอกภาพมากขึ้น
โจทย์นอกสภาหลังจากนี้ คิดว่าการขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เต็มที่ที่สุดคงไม่เกินเดือนมิถุนายนนี้ และ ไม่ควรขยายต่อ เพราะไม่สามารถแบกรับแรงกดดันต่างๆ ได้ ซึ่งโจทย์ของเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม อาจเป็นเรื่องกระบวนการนักศึกษาที่รอชุมนุม หรือทำกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล ดังนั้น พรรค พปชร.จำเป็นต้องสร้างความสามัคคีภายในพรรค ถึงจะเพิ่มความเชื่อมั่นว่าการเมืองหลังจากนี้ คุณประยุทธ์จะอยู่ยาวจนครบเทอมในปี 2566 ได้