แม้ว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พยายามห้ามปราบการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มต่างๆในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ขอให้ใช้เวลาทั้งหมดกับการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19
แต่ก็ยังไม่วายมีกลุ่มก้อนทางการเมืองใน พปชร.ยังออกมาเคลื่อนไหว ปล่อยข่าวตลอดเวลา !
ความพยายามเปลี่ยนตัวหัวหน้าและเลขาฯ พรรค พปชร. ยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการปล่อยข่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 พ.ค.63 ส.ส.กลุ่มต่างๆ ในพรรค วม 100 คนได้ทยอยเข้าพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ที่ห้องพัก รัฐสภา โดยเป็น สส.กลุ่มสามมิตร นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม พร้อม สส.ประมาณ 20 คนเข้าพบ พล.อ.ประวิตร
เป็นการปล่อยข่าวเพื่อให้เห็นว่า เกมยึดพรรคพลังประชารัฐ และเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคใกล้จบแล้ว
แต่ในข้อเท็จจริงไม่มีใครยืนยันได้ชัดเจนถึงตัวเลข ส.ส.ในมือว่า มีกี่คน ใครบ้าง มีแต่เอ่ยอ้างตัวเลข โคมลอย ระบุว่าเป็น กลุ่มสามมิตร 20 คน บางกระแสบอกมี 40 คน ส่วนอีก 20 คน ยังไม่มีใครกล้าออกมายืนยัน ซึ่งรายชื่อบางคนก็ไปซ้ำซ้อนกับกลุ่มอื่นๆ
ซีกของสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี , อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง , สนธิรัตน์ สนธิจิรวงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ต่างสงบนิ่ง ไม่เคลื่อนไหว แต่ซุ่มเก็บคะแนน ทำแต้มต่อขึ้นมาเรื่อยๆ
“สนธิรัตน์” ที่ตกเป็นเป้าของการเลื่อยขาเก้าอี้ แต่กลับมีผลงานเด่นชัด เป็นที่ประจักษ์ โชว์ฟอร์มเป็นพระเอก ในการแก้ไขเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำแต้มต่อ ผลโพลทุกสำนักก็ยืนยันชัดเจนถึงคะแนนนิยม และไม่มีภาพลักษณ์ที่ด่างพล้อย
สามารถซุ่มเก็บเกี่ยวแต้มต่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส.ส.จำนวนเกินครึ่งร้อยชายตามองมาทางกลุ่มสนธิรัตน์แล้ว
กลุ่มเคลื่อนไหวที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงในพรรค ที่เคยออกมาบอกว่า รวบรวมกรรมการบริหารพรรคได้เกินครึ่งแล้ว ที่พร้อมจะลาออก เพื่อล้างไพ่กันใหม่ และสร้างราคาคุยว่ารวบรวมได้ถึง 25 คน
แต่เอาเข้าจริงจนถึงเวลานี้ ยังไม่มีกรรมการบริหารพรรคคนไหนลาออกแม้แต่คนเดียว รวมถึง ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และ พุทธิพงศ์ ปุณฑกันต์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ที่บอกว่าเขียนใบลาออกจากกรรมการบริหารไว้แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีใครกล้า ยื่นใบลาออก
คำถามสั้นๆง่ายๆ กลุ่มที่เคลื่อนไหว ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรค พปชร. เพื่อดันหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานยุทธศาสตร์พรรค ขึ้นเป็นหัวหน้าแทน นายอุตมม สาวนายน
เพราะคิดว่า พล.อ.ประวิตร หรือ “บิ๊กป้อม” มีจุดขาย ทางการเมือง เชื่อมั่นว่า จะนำพาพรรคให้เติบโต มั่นคง ยั่งยืน เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยิ่งใหญ่
และที่สำคัญ ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้วหรือยัง
เอาแค่เรื่อง “นาฬิกายืมเพื่อน” “แหวนของแม่” ก็ร่อแร่ ลิ้นเต็มปากแล้ว เดินยังต้อง ให้คนประคอง !