พบรายใหม่ 9 ราย ติดเชื้อโควิด -ลุ้น! ศบค. คลายล็อก เฟส3

ศบค.แถลง ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ พบ 2 รายไม่แสดงอาการหลังกักตัว ชี้ 14 วันอาจไม่ได้ผลกับบางคน ขณะที่ 6 รายผ่านด่านปาดังฯ ต้องปิดด่านทำความสะอาด แว่วๆ ระยะ 3 ผ่อนคลายหลายกิจกรรม ต้องลุ้น สนามมวย สถานท่องเที่ยงบันเทิง ผับ บาร์
วันที่ 27 พ.ค.63 เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย เป็นผู้อยู่ในสถานกักตัวของรัฐ การติดเชื้อในประเทศไม่มีรายงาน ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 3,054 ราย รักษาหายแล้วเพิ่มใหม่ 2 ราย รวม 2,931 ราย และไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดเสียชีวิตสะสม 57 ราย รักษาอยู่ในโรงพยาบาล 66 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อ 9 ราย 2 รายแรก เป็นชายไทยอายุ 18 ปีและอายุ 27 ปี กลับจากสหรัฐวันที่ 12 พ.ค.เข้าสถานกักตัวของรัฐที่จังหวัดชลบุรี อยู่ยาวมาถึงที่ 26 พ.ค.ซึ่งครบกำหนดกักกันตัว 14 วัน โดยมีการตรวจหาเชื้อซ้ำในโพรงจมูกก่อนให้กลับ แต่พบเชื้อในวันที่กักตัวมาแล้ว 13-14 วัน ทำให้ที่ประชุมของศูนย์ปฏิบัติตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข หรืออีโอซี ได้มีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ว่าไม่ใช่รายแรกที่ตรวจพบเชื้อในช่วงปลายของการกักตัว ก่อนหน้านี้เราเชื่อว่าการกักตัว 14 วันนั้น เชื้อจะหมดไป ทำให้ที่ประชุมต้องศึกษาย้อนหลังกลับไปว่าทฤษฎีที่ใช้กักตัว 14 วัน อาจใช้ไม่ได้กับบางคน แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงมาตรการกักตัว14 วัน และยังไม่ขยายการกักตัวเป็น 21 หรือ 28 วัน จะยังคงกักตัว 14 วันเหมือนเดิม
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับรายที่ 3 เป็นชายอายุ 34 ปี เป็นพนักงานนวดกลับจากกาตาร์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.เข้าพักสถานกักตัวของรัฐที่สมุทรปราการ มีอาการไข้ จมูกไม่ได้กลิ่น พบเชื้อ25 พ.ค. ที่ประชุมศบค.ตั้งข้อสังเกตถึงการผ่อนคลายมาตรการกลุ่มอาชีพเสี่ยงปานกลางถึงเสี่ยงสูง จะต้องมีมาตรการอะไรหรือไม่ อาชีพนวดต้องระมัดระวังตัวเอง สุขลักษณะส่วนตัวต้องสูง เพราะเป็ณกลุ่มเสี่ยงที่อาจรับเชื้อจากลูกค้า ซึ่งกระทวงสาธารณสุขจะศึกษาเพื่อมาแนะนำให้ปฏิบัติตัว แต่ผู้ที่มีอาชีพดังกล่าวต้องปฏิบัติตั้งแต่บัดนี้เพื่อให้เคยชิน ส่วน 6 ราย เป็นชายอายุ 23-33 ปี กลับจากซาอุดิอาระเบีย มาเครื่องที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และนั่งรถเข้ามาทางด่านชายแดนปาดังเบซา ซึ่งการผ่านทางด่านนี้ อาจจะต้องมีการปิดด่านเพื่อทำความสะอาด ดูแลสุขลักษณะ ทำให้คนไทยบางส่วนอาจประสบปัญหาการเดินทางเข้ามาบ้าง ดังนั้นขอให้ติดต่อสถานทูตในกรุงกัวลาลัมเปอร์ หรือสถานกงสุลที่ปีนัง อย่างไรก็ตาม 6 ราย 4 ราย มีอาการมีไข้ ไอเจ็บคอ มีเสมหะ ส่วนอีก 2ราย ไม่มีอาการ ผู้ติดเชื้อทั้ง 9 คน มาจากสถานคัดกรองของรัฐ ยังไม่มีคนไทยในประเทศติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า จากข้อมูลจำแนกผู้ป่วยยืนยันสะสม ตั้งแต่ 13-27 พ.ค.พบว่า 5 อันดับ คือ สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้านี้ จำนวน 1190 ราย รองลงมาอาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด 284 ราย สนามมวย 276 ราย คนไทยเดินทางกลับจากประเทศ 269 ราย และสถานบันเทิง 226 ราย สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อแล้ว 5684795 ราย เสียชีวิต 352225 ราย ซึ่งสหรัฐฯยังคงเป็นอันดับ 1 ผู้ติดเชื้อสะสม 1725275 ราย เสียชีวิตทะลุ1แสนรายเป็นวันแรก จำนวน 100572 ราย รองลงมาบราซิล มีผู้คิดเชื้อสะสม 394507 ราย มีผู้เสียชีวิต 24593 ราย รัสเซีย มีผู้ติดเชื้อ 362342 ราย เสียชีวิต 3807 ราย
เมื่อถามว่ามีการนำเสนอว่าในการคลายล็อกระยะที่ 3 จะมีสถานประกอบการ เช่น สนามมวย สถานท่องเที่ยงบันเทิง ผับ บาร์ ที่ จะสามารถเปิดให้บริการได้นั้นข้อมูลถูกต้องแค่ไหน นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้ง การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาผ่อนคลายมาตรการระยะที่ 3 แว่วๆ ว่าจะมีกิจการ หรือ กิจกรรม ที่ได้รับผ่อนปรนมากขึ้น เพราะบรรยากาศตอนนี้เอื้อให้ผ่อนคลาย และนโยบายของนายกฯก็อยากให้เปิดกิจการ หรือ กิจกรรมให้ได้มากที่สุด เพราะทราบถึงความเดือดร้อนของผู้ประกอบการรายย่อย
อย่างไรก็ตามการผ่อนคลายจะต้องบาลานซ์สองส่วนคือผู้ผ่อนคลายและผู้ดูแลสุขภาพต้องไปด้วยกัน เพื่อควบคุมโรคให้ได้ ซึ่งจะมีการให้รางวัลพวกท่านที่ดูแลกันภายในได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ผู้บริหารจะต้องตัดสินใจในเรื่องสุขภาพและเศรษศฐกิจที่ต้องจัดวางให้เหมาะสม ไม่ได้หมายความว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อต้องเป็นศูนย์ไปตลอด ต้องรับความเสี่ยงได้บ้าง ที่จะเกิดโรค แต่ไม่อยากให้มีผู้ติดเชื้อ 1 คน แล้วแพร่เชื้อให้คน 2 -300คน ข้อมูลที่มีการนำเสนอดังกล่าวยังไม่เป็นข้อมูลยืนนยันจนกว่าจะมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่ในสัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณารายกิจกรรม ที่เข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งตนอยากให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็วและหวังว่า 30 มิ.ย.นี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯถ้าเป็นไปได้ก็อยากกลับไปเป็นปกติในวิถีใหม่ รวมถึงเจ้าของกิจการต่างๆ ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องช่วยกันคิดถ้ามีนวัตกรรมใหม่และมั่นใจว่าจะไม่เกิดการแพร่โรคสามารถเสนอมาได้เลย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในส่วนที่ตนแถลงเมื่อวันที่ 26 พ.ค.กรณีการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่มีการใช้คำ ที่ฟังแล้วอาจไม่สบายใจ ตนไม่ได้มีเจตนาทำให้บรรยากาศของพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นความเข้มข้น แต่อยากใช้ให้เป็นการผ่อนคลายที่ดีขึ้น พร้อมมาตรการที่ต้องทำต่อเนื่องกันไป พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นเครื่องมือหนึ่งเท่านั้น ไม่มีประโยชน์อย่างอื่น และอีก 1 เดือนข้างหน้า จะเป็นการปรับตัวของภาครัฐเพื่อใช้กฎหมายที่มีอยู่ เพื่อดูแลสถานการณ์ “ผมเองก็อยากจะหยุด แต่ต้องทำหน้าที่ต่ออีก 1 เดือน ก่อนจะส่งมอบทุกอย่างเพื่อคืนสู่ความเรียบร้อย แต่ต้องขอความร่วมมือทุกคนด้วย” นพ.ทวีศิลป์กล่าว