หน้าแรก ในประเทศ แค่ลองของ! ยิงเลเซอร์ “ตามล่าหาความจริง” เกมเขย่าอำนาจ เผด็จการ
เกมเขย่าอำนาจ รัฐบาล จากปรากฏการณ์ “ตามล่าหาความจริง” ฉายภาพ สถานที่สำคัญ อันเป็น สัญญลักษณ์ ทางการเมือง ครบรอบ รำลึก 10ปี พ.ค.53 กำลังกลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง แต่จะจุดติดหรือไม่ ยังเป็นคำตอบ ที่ต้องติดตามกันต่อไป
กรณี “มือมืด” ยิงแสงเลเซอร์ ข้อความ “ตามหาความจริง” ในสถานที่เชิงสัญลักษณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมของ คนเสื้อแดงปี 53 ทั้งที่ วัดปทุมวนาราม , สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ,อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และ ตัวอาคารกระทรวงกลาโหม
หลายฝ่ายฟันธง คือ การเขย่า อำนาจ รัฐบาล หวังสร้างกระแสรำลึกถึงเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มนปช. และคนเสื้อแดง ในเดือนพฤษภาคม 53 ซึ่งพอดีครบรอบ 10 ปี
และยิ่งชัดขึ้น เมื่อสอดรับกับการโพสต์เฟซบุ๊กของ “เต้น” ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ที่บอกว่ามีแนวคิดจะจัดงานใหญ่รำลึก 10 ปี เหตุการณ์สลายการชุมนุม นปช. “เมษา-พฤษภา 53” แต่บังเอิญช่วงเดือนเมษาฯ ติดขัด ที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาด จึงต้องพักไว้ก่อน มาถึงเดือนนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย
จึงจะจัดกิจกรรม “ชุมนุมออนไลน์” เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.เป็นต้นไป โดยจะเชิญบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ และแนวร่วม มาร่วมกันเขียนบทความรำลึกเหตุการณ์ เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก “เพจยูดีดีนิวส์”
บุคคลที่ได้รับเกียรติมาร่วมเขียนบทความ อาทิ จาตุรนต์ ฉายแสง…ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ…นิธิ เอียวศรีวงศ์…ชาญวิทย์ เกษตรศิริ…คำ ผกา…เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล…พริษฐ์ ชีวารักษ์ หรือ เพนกวิน เป็นต้น
ขณะที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ก็โพสต์ถึงเรื่องยิงเลเซอร์ “ตามหาความจริง” ที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ออกมาให้ข่าวว่ามีการทำเป็นขบวนการ เป็นการกระทำไม่เหมาะสม ต้องใช้กฎหมายเอาผิดว่า
นั่นเป็นการแสดงให้เห็นถึงอาการ “ดิ้น” ของฝ่ายทหาร และถ้ายิ่งดิ้นมาก ความขัดแย้งต่างๆ ก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เพราะความตายผ่านการไต่สวน สำนวนชันสูตรพลิกศพของศาลอาญา และศาลอาญากรุงเทพใต้นั้นระบุไว้ชัดเจนว่า ...ความตายเกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)
และเรื่องนี้ก็ไปสอดคล้องกับข้อความในทวิตเตอร์ของ “คณะก้าวหน้า – Progressive Movement” ที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ – ปิยบุตร แสงกนกกุล – พรรณิการ์ วานิช” ใช้เป็นฐานในการเคลื่อนไหวหลังถูกยุบพรรค ตัดสิทธิทาางการเมือง ได้ทวีตข้อความว่า …
“ความจริง อาจทำให้บางคนไม่สบายใจ คุณเลยต้องไล่จับความจริงกันวุ่นวายไปหมด แต่ “ความจริง” ก็ปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากคำลวงของคุณ เราไม่ตกเป็นทาสของคุณอีกแล้ว ร่วม #ตามหาความจริง ไปพร้อมกันที่เพจคณะก้าวหน้า 12-20 พ.ค. # ความจริงต้องปรากฏ”
เช่นเดียวกับเฟซบุ๊ก “คณะก้าวหน้า – Progressive Movement” ก็โพสต์ข้อความว่า “พฤษภา 35|53 ความจริงต้องปรากฏ “ถีบลงเขา-เผาลงถังแดง” 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภา ’35, พฤษภา ’53 กี่ครั้งที่ประชาชนมือเปล่า ถูกสังหารอย่างเลือดเย็น กี่ครั้งที่ผู้ฆ่า และผู้สั่งฆ่า ไม่เพียงไม่ต้องรับโทษ แต่ยังเติบใหญ่ในเส้นทางอำนาจ ทุกครั้งความจริงถูกทำให้เลือนหาย ความยุติธรรมไม่เคยมาถึง…
พอกันทีกับการที่ขอเพียงมีอำนาจล้นฟ้าจะลงมือฆ่าคนเป็นร้อยก็ไม่ผิด ฝากไปถึงผู้มีอำนาจว่าไม่ต้องตามหาให้เหนื่อยแรงอีกต่อไป ว่าใครคือคนที่ฉายแสงสว่างส่องหาความจริง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือพวกเรา “ประชาชน” คนธรรมดาที่กำลังร่วมกัน #ตามหาความจริง”
ไม่เพียงเท่านั้น ยังมี “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ ประกาศว่า การฉายภาพกลางกรุงพร้อมข้อความ “ตามหาความจริง” เป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น พร้อมทั้งเชิญชวนให้ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า ระหว่างวันที่ 12-20 พ.ค.นี้ด้วย
ก็เป็นที่ชัดเจนว่า “กลุ่มคน” หรือ “ขบวนการ” ที่อยู่เบื้อหลังแสงเลเซอร์ ก็คือ “กลุ่ม นปช.-คณะก้าวหน้า” ที่ผนึกกำลังออกมาปลุกกระแสเดือนพฤษภาคม เขย่ารัฐบาลลุงตู่
เมื่อเรื่องนี้เป็นกระแสร้อนในโซเชียลฯ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. นิ่งอยู่เฉยไม่ได้ สั่งเรียกประชุมทีมงานทันที เพราะเห็นว่าอาจเป็นชนวนก่อให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงของคนในชาติ มอบฝ่ายกฎหมายไปดูว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดใดบ้าง …ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การยุยง ปลุกปั่น ล้วนอยู่ในเกณฑ์การพิจารณา ส่วนตัวบุคคลหรือกลุ่มบุคคลก็มีข้อมูลอยู่แล้ว
โดยเฉพาะบุคคลบางกลุ่มที่อาศัยเดือนพฤษภาคม เป็นสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหว อีกทั้งยังมีกลุ่มบุคคลที่ออกมากล่าวอ้างและยอมรับถึงพฤติกรรมการกระทำนั้น หลังจากนี้ก็ต้องหาพยานหลักฐานอื่นๆ ให้เพียงพอ ก่อนจะเรียกมาให้ปากคำ
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะบอกสั้นเพียงว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ด้านความมั่นคง กระทำการแบบนี้ในช่วงเวลานี้ ถือว่าไม่เหมาะสมที่จะนำหลายๆ เรื่องมาพัวพันกับสถานการณ์โควิด-19
ต้องไม่ลืมว่า ช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่ง “บิ๊กตู่” ได้ออกมาบอกแล้วว่า ไม่ได้สั่ง กอ.รมน. ทำโพลถามความเห็นประชาชนว่าควรคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้ก่อน หรือ ยกเลิก แต่ก็ได้บอกเป็นนัยว่า มีสื่อบางสำนักได้ทำโพลออกมาแล้ว ปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่าง 88% เห็นควรให้ต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินออกไปอีก มีเพียง 12% เท่านั้นที่อยากให้ยกเลิก…
จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามว่า การปลุกกระแสเดือนพฤษภา ท่ามกลาง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะจุดติดหรือไม่!!