“บิ๊กตู่”แถลง! “ยึดทรัพย์”เครือข่าย”ยาเสพติด”จี้ เร่งปราบ จะช่วยแก้ไฟใต้ง่ายขึ้น

นายกฯ ลุยเอง! แถลงยึดทรัพย์ เครือข่ายยาเสพติด 300 ล้านบาท ชี้ หากแก้ “ยานรก”ได้ ไฟใต้ก็จะแก้ง่ายขึ้น ชม ยธ.ทำงานเร็ว 3 เดือนเห็นผล ด้าน”สมศักดิ์” แจงใช้วิธียึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ไม่ใช่ตัดตอนเหมือนรัฐบาลในอดีต
วันที่ 8 พ.ค.63 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานติดตามผลการดำเนินงานด้านการปราบปราม ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส. ร่วมแถลงผลปฏิบัติการยึดทรัพย์สินเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 300 ล้านบาท ที่ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส.

พล.อ.ประยุทธ์ฯ กล่าวมอบนโยบายว่า วันนี้ทุกคนคงเข้าใจแนวทางการปราบปรามยาเสพติดตามแนวคิดใหม่  ตนมาติดตามดูเรื่องที่บกพร่อง ส่วนตัวต้องการให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง ทั้งแผนงานงบประมาณและบุคลากรที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกัน ซึ่งขอชื่นชม การดำเนินการยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดที่สามารถทำได้รวดเร็ว
วันนี้สามารถปราบปรามได้แค่ผู้ค้ารายย่อย เพราะผู้ค้ารายใหญ่ยังติดปัญหาเรื่องการประสานงานและจับกุม ขณะที่เครือข่ายค้ายาเสพติด ก็ปรับวิธีการมากมาย ดังนั้นต้องติดตามดูว่า บุคคลเหล่านี้ มีทรัพย์สินยึดโยงกับใครและฟอกเงินอย่างไร หากสามารถปราบปรามได้อีก เครือข่ายก็จะหมดลงไปเรื่อยๆ และต้องหาวิธีการอื่นเพิ่มเติมอีก เพื่อให้ทันกับเครือข่ายค้ายาเสพติดและตัดให้ครบวงจรได้

ทั้งนี้ ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและมีความปลอดภัย รวมถึงการยึดทรัพย์ต้องระมัดระวังเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย พร้อมย้ำว่า รัฐบาลไม่ก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรม แต่ขอเจ้าหน้าที่ระมัดระวังเรื่องเรียกรับผลประโยชน์ส่วนตน โดยหากพบ จะลงโทษอย่างหนัก ดังนั้น ขอเจ้าหน้าที่รัฐ อย่าทุจริต เห็นแก่ได้ ส่วนเครือข่ายค้ายาเสพติดที่เกี่ยวข้องกับภาคใต้ มองว่า หากสามารถกำจัดได้ จะทำให้การแก้ปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ง่ายและรวดเร็วขึ้นด้วย
นายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า การยึดทรัพย์สินเครือข่ายยาเสพติดผ่านมากว่า 3 เดือน ได้ดำเนินการตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติด ซึ่งไม่ใช่เป็นการตัดตอนเหมือนรัฐบาลในอดีต แต่เราใช้วิธีการจัดการให้เรียบร้อยสิ้นซาก จึงนำมาตรการ ยึดทรัพย์ มาดำเนินการ  โโยที่ผ่านมาเราได้รับการจัดสรรงบประมาณ ปีละ 5,200 ล้านบาท แต่สามารถยึดทรัพย์สินจากเครือข่ายยาเสพติด ได้เพียงปีละกว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังถือว่าขาดทุน

ดังนั้นการยึดทรัพย์ จำเป็นต้องเรียนรู้แนวทางที่เด็ดขาด จากต่างชาติด้วย ไม่ต้องเสียเวลาพิสูจน์ ว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่ โดยใช้วิธีประเมินรายได้ จากกลุ่มผู้ต้องสงสัย มั่นใจว่า หลังจากมีการแก้กฎหมาย เพิ่มรางวัลนำจับซึ่งจะมีผลในวันที่ 31 พฤษภาคมนี้ จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้การยึดทรัพย์และตัดวงจรยาเสพติดทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น รวมทั้งขอเสนอต่อนายกรัฐมนตรี เพิ่มหน่วยงานภายใต้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เพื่อดูแลกระบวนการธุรกรรมทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดที่มีจำนวนมากและซับซ้อน
พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า คณะทำงานสืบสวน ได้ทำการขยายผล เพื่อยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด โดยมุ่งเน้นทำลายเครือข่าย ซึ่งจากทุกหน่วยร่วมมือกัน สามารถยึดทรัพย์สิน ได้จำนวน 2,000 รายการ มูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน 7 รายการ โรงงาน 1 รายการ เงินสด 25.9 ล้านบาท รถยนต์ 400 คัน จักยานยนต์ 300 คัน ทอง 600 รายการ ปืน 27 กระบอก และอื่นๆ อีกกว่า 400 รายการ

สามารถดำเนินคดีได้ 4 เครือข่าย รวมมูลค่า 74 ล้านบาท คือ เครือข่ายที่ 1 นายฟ้าใส ไชยะสิงห์ ชาวลาว จากการตรวจยึดไอซ์ 298 กิโลกรัม เครือข่ายที่ 2 นายสุภาพ แซ่ส้ง จากการตรวจยึดยาบ้า 10 ล้านเม็ด เครือข่ายที่ 3 นายอดิเรศ จริตงาม จากการตรวจยึดยาบ้า 3 แสนเม็ด และเฮโรอีน 800 กรัม และเครือข่ายที่ 4 Mr.kum chee cheong จากการติดตามหลังนำทรัพย์สินจากการค้ายาเสพติดให้ น.ส.นันท์นภัส ยงค์วานิช