‘จตุพร” เตือน’ตุลาการภิวัฒน์’ อย่ายุบพรรค’อนาคตใหม่’ไม่เกิดผลดีกับบ้านเมือง

“จตุพร” ส่งสัญญาณ เตือน ศาลรธน. อย่าหักดิบ ยุบพรรค อนาคตใหม่ ชี้ สังคมไทย กำลังเดินหน้า หลุดพ้นความขัดแย้งในอดีต ล้างสีเสื้อ “เหลือง-แดง” ย้ำ หาก จุดชนวนขัดแย้งขึ้นอีก จะไม่เกิดผลดีกับบ้านเมือง นอกจากความ”สะใจ”

7 ก.พ.63  นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการ”หยิบข่าวมาคุย” ถึงสถานการณ์การยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยวันที่ 21 ก.พ. นี้ ซึ่งก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเริ่มขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. เพียง 3 วัน ว่า ทำให้ คนมองแง่ลบ และคิดเป็นอื่นไม่ได้ โดยทางการเมืองต้องคิดในเรื่องร้ายที่สุดไว้ก่อน

ถ้ายุบพรรคอนาคตใหม่ จะส่งผลอะไรบ้าง คือ กรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)จะสิ้นสภาพ ส.ส.อัตโนมัติ แต่การยุบพรรคไม่น่าเกิดขึ้น เพราะประวัติศาสตร์ การเมืองอธิบายแล้วว่า ไม่สามารถทำลายพรรคการเมืองนั้นได้ เพียงแค่ทำให้ กก.บห.เสียโอกาสขณะเดียวกัน ยิ่งทำให้เกิดรอยร้าวกันมากขึ้น การยุบพรรคจึงเป็นการกระทำที่เปล่าประโยชน์

ดังนั้น วันที่ 21 ก.พ. คำวินิจฉัยจะออกอย่างไรก็ตาม ไม่ได้แก้ไขปัญหาใดๆเลย แต่กลับจะบ่มเพาะให้เกิดความรุนแรง หากมีการยุบพรรค จะทำให้เกิดร้าวลึก เพราะความขัดแย้งกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ได้ทุเลาลงไปมาก เมื่อความขัดแย้งเก่าลดลงไปมากแล้ว สังเกตได้จากตนและแกนนำอีกฝ่ายสามารถเดินทางไปได้ทั่วประเทศ ซึ่งแต่ก่อนบางจังหวัดไปไม่ได้เลย

“ความขัดแย้งเก่าลดลงไปมาก แทบมลายหายไปแล้ว แต่ความขัดแย้งใหม่กำลังเข้ามาแทน และยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งเก่าที่กำลังจางลง จะเข้าไปรวมกับความขัดแย้งใหม่ด้วย สิ่งที่ต้องคิดคือ เรากำลังสร้างสังคมสันติสุข หรืออยากให้เกิดความขัดแย้งดำรงอยู่ต่อไป”

นายจตุพร ย้ำว่า ปัญหาบ้านเมืองที่จมอยู่กับความขัดแย้ง พร้อมบวกกับได้รัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยมา 5 ปี และต่อด้วยประชาธิปไตยครึ่งใบถึงปัจจุบันนี้ เห็นว่า ไม่สามารถแก้ปัญหาชาติได้ กลับสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนอย่างแสนสาหัส

ขณะเดียวกัน การแก้ปัญหาทางการเมือง โดยสร้างงูเห่านั้น จะยิ่งสะสมวิกฤตศรัทธามากขึ้น ทำให้ระบบรัฐสภาพัง หากจะยุบสภาก็จะกลับมาจุดเดิมอีก เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้รับการแก้ไข การแก้ไขปัญหาชาติก็ทำไม่ได้ ซึ่งเป็นสภาพสังคมอกแตก

ทั้งนี้ ถ้าเกิดยุบพรรคอนาคตใหม่ ก็จะยิ่งไปตอกลิ่มความรู้สึก ทำให้เกิดรอยร้าวลึกขึ้นมาใหม่ ทั้งที่คู่ขัดแย้งเดิมพยายามเจรจาพูดคุยเพื่อลดความขัดแย้งกัน ก็จะเกิดความขัดแย้งใหม่ขึ้นอีก

“ผมยังเชื่อว่า พรรคอนาคตใหม่ และเช่นเดียวกับพรรคการเมืองทุกพรรคไม่ควรจะถูกยุบ เพราะเป็นการทำลายเจตจำนงของประชาชน ส่วนความผิดตามกฎหมายก็ควรเป็นเรื่องของบุคคลนั้นๆ อีกทั้งจะไม่ต้องเกิดความขัดแย้งใหม่ขึ้นมาอีก เมื่อคู่ขัดแย้งเก่ากำลังจางหายไป แต่ความขัดแย้งใหม่ไม่มีใครรู้ว่า มันจะลุกลามไปถึงไหนอย่างไร นี่คือความกังวลและหวาดหวั่นความขัดแย้งเดิมจะมาผสมกับความขัดแย้งใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

นายจตุพร ทิ้งท้ายว่า ตนอยากให้แต่ละฝ่ายช่วยกันคิด มากกว่าการสะใจกับการยุบพรรค เพื่อรอไปช้อนซื้อลูกพรรคอนาคตใหม่มาเข้าพรรค ซึ่งมันน่าเกลียด และไม่เกิดผลทางการเมืองอะไรด้วย เพราะรัฐบาลชนะโหวตอยู่แล้ว แต่หากแพ้ในสนามประชาชนก็อยู่ไม่ได้อยู่ดี