ปชป.ระส่ำเลือดไหลไม่หยุด เลือดแท้ อัลวาร์ สาและ ทำจดหมายถึงหัวหน้าพรรคขอให้สิ่งนี้
6 ก.พ.63 – นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี ในฐานะรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ทำหนังสือถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรื่อง ขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อแก้ไขวิกฤตพรรคและรับผิดชอบร่วมกัน และขอให้เสนอยุทธศาสตร์การฟื้นฟูพรรคที่มีประสิทธิภาพ จำนวนทั้งสิ้น 3 หน้า โดยมีเนื้อหาระบุถึงปัญหาการลาออกของสมาชิกคนสำคัญของพรรคระหว่างสมัยประชุมสภาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่มีมาตรการใด ๆ จากฝ่ายบริหารที่จะแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาดังกล่าว พร้อมระบุถึงการรายงานของสื่อมวลชนที่ว่าจะมีแกนนำคนสำคัญของพรรคลาออกอย่างน้อยห้าคนไว้ด้วย ซึ่งจะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ต้องสูญเสียบุคลากรทั้งรุ่นใหม่ที่มีคีณภาพและกำลังสูญเสียบุคลากรคนรุ่นเก่าที่มีความสำคัญไปอย่างต่อเนื่อง
ในหนังสือดังกล่าว นายอันวาร์ ระบุว่า ทั้งตนและสมาชิกร่วมพรรค เห็นว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปกติ พร้อมตั้งคำถามว่า “สมาชิกที่ลาออกไปล้มเหลวที่จะอยู่ร่วมกับพรรค หรือว่าการบริหารพรรคล้มเหลว สมาชิกไม่เห็นอนาคตจึงลาออกไป” พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้บริหารประกาศให้สังคมรับทราบถึงปัญหาที่แท้จริง ไม่ใช่เมินเฉยแล้วมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติ
นายอันวาร์ ยังชี้ถึงปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์ที่ควรแก้ไขไว้ 3 ข้อ ดังนี้ 1 อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ไดประกาศก่อนการเลือกตั้งว่าจะไม่สนับสนุนหัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี มีการกล่าวกันภายในพรรคและบางส่วนของสังคมว่า ที่ประชาธิปัตย์แพ้เลือกตั้งอย่างถล่มทลายเพราะการประกาศนี้ ซึ่งตนและสมาชิกร่วมพรรค เห็นว่าพรรคควรจะทำการศึกษาอย่างเป็นวิชาการว่าสิ่งที่กล่าวกันเช่นนั้นเป็นความจริงหรือไม่ หากจริงเพราะเหตุใดพรรคที่ต่อต้านเผด็จการทหารจึงชนะการเลือกตั้งเข้ามาอย่างุถล่มทลาย เช่น พรรคอนาคตใหม่ และพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง
2 แม้ว่าอดีตหัวหน้าพรรคประกาศว่าไม่สนับสนุน แต่พรรคประชาธิปัตย์ ลงมติสวนทางกลับเข้าไปร่วมรัฐบาลโดยมีเงื่อนไข 3 ประการ คือ ต้องประกันสินค้าเกษตรที่ตกต่ำ ต้องทำการตรวจสอบหากมีการทุจริต หากพบว่ามีมูลจะถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลทันที และต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 3 การเมืองในระบบรัฐสภาเป็นเรื่องสำคัญ เพราะสภาเป็นสถานที่ออกกฎหมายให้ทุกคนปฏิบัติ ไม่เว้นแม้แต่อำนาจบริหาร ตุลาการ ดังนั้นการลงมติใด ๆ จากคำสั่งของแกนนำรัฐบาลควรจะต้องมีเหตุผลเพียงพอมากกว่าคำที่บอกว่า “เมื่อเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันแล้ว ไม่ใช่อยู่ดี ๆ คิดจะทำอะไรก็ทำ ถ้าผมอยู่ไม่ได้ พวกคุณก็อยู่ไม่ได้” หมายถึงต้องทำตามมติของวิปเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่งถูกต้อง หากเป็นมติที่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนและมีคำอธิบายที่ชัดแจ้ง เพราะพรรคการเมืองเข้ามาทำงานให้ประชาชน
นายอันวาร์ ยังเปรียบเทียบพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคไทยรักไทยด้วยว่า ที่ผ่านมาพรรคไทยรักไทยถูกยุบด้วยผลของกฎหมาย แต่ประชาชนเลือกกลับมาในนามพลังประชาชน ก่อนจะถูกยุบอีกครั้งและกลับมาในนามพรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยถูกยุบด้วยผลของกฎหมาย แต่กำลังถูกยุบโดยประชาชน หากพวกเราไม่กล้าหาญพอที่จะยอมรับความเป็นจริง และปรับท่าทีของพรรคให้สังคมเชื่อมั่น ศรัทธา
“กระผมและเพื่อนสมาชิกร่วมพรรค จึงมีความเห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยืนเคียงข้างประชาชนตามอุดมการณ์ของผู้ก่อตั้งพรรค แต่ปัจจุบันพรรคตกต่ำเป็นอย่างมาก อาจเกิดจากการที่ประชาชนสับสนในเรื่องของนโยบายพรรค อุดมการณ์พรรค จึงขอเสนอให้พรรครีบจัดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อแก้ไขวิกฤตพรรค เพื่อจะได้รับผิดชอบร่วมกัน และเพื่อให้คณะกรรมการบริหารพรรคได้รับทราบถึงปัญหาและหาทางแก้ไข หากยังไม่มีทางแก้ไขต้องเสียสละให้บรรดาสมาชิกได้เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาและสร้างศรัทธาให้สังคม” นายอันวาร์ทิ้งท้ายไว้ในหนังสือดังกล่าว