มัสยิดฮารูนประสบกำลังประสบปัญหาต้องเสียภาษีที่ดินฉบับใหม่สูงกว่าราคาให้เช่า เนื่องจากเขตบางรัก เก็บตามราคาประเมินแต่มัสยิดให้ชาวบ้านเช่าในราคาถูก
นายธนารัช วัชระพิศุทธิ์ อิหม่ามประจำมัสยิดฮารูน เขตบางรัก กรุงเทพฯ เปิดเผยกับMtodayว่า มัสยิดกำลังจะประสบปัญหาจะต้องจ่ายภาษีมากกว่ารายได้จากการให้เช่าที่ดิน ถ้าเป็นไปตามที่เขตบางรักส่งหนังสือมา เนื่องจากมัสยิดให้ชาวบ้านเช่าที่ดินด้วยค่าเช่าถูกเพื่อให้ขายสินค้าราคาถูก
‘มัสยิดให้ร้านน้ำชาเช่าที่เดือนละ 1,000 บาท ทำให้ร้านได้ขายน้ำชาในราคาแก้วละ 15 บาท ขายสินค้าราคาถูก ดำรงความเป็นชุมชนอยู่ได้ แต่ตามหนังสือที่เขตส่งมา มัสยิดจะต้องจ่ายภาษี 3,000 บาทตามราคาประเมิน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากกว่าค่าเช่า เมื่อให้ข้อมูลไปเจ้าหน้าที่ก็จะพูดว่า เป็นข้อมูลถูกต้องหรือไม่ ให้เช่าราคานี้จริงหรือเป็นตัวเลขที่ทำขึ้นมา ซึ่งค่าเช่าของมัสยิดจะมีนอกมีในได้อย่างไร ทุกอย่างตรงไปตรงมา’ อิหม่ามมัสยิดฮารูน กล่าว
มัสยิดฮารูน ตั้งอยู้ในเขตบางรัก ติดแม่น้ำเจ้าพระยา บนที่ดิน 5 ไร่ ที่ได้รับการบริจาคจากฮัจยียูซุฟเมือประมาณ 100 ปีที่แล้ว จนปัจจุบันมีความเจริญเพราะอยู่ใจกลางเมือง ใกล้โรงแรมชือดัง แต่มัสยิดและชาวบ้านรอบมัสยิด เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ไม่ได้มีฐานะมากนัก
‘ที่ดินของมัสยิดเป็นที่ดินวากั๊ฟ ไม่ได้รับการยกเว้นเหมือนกับวัด ถ้าตัวเลขเป็นไปตามที่เขตระบุมา มัสยิดก็คงจะลำบาก เพราะต้องจ่ายภาษีแพงกว่าค่าเช่า ซึ่งจะต้องคุยกันใหม่กับเขตบางรัก’อิหม่ามมัสยิดฮารูน กล่าว
สำหรับกฎหมายภาษีที่ดินฉบับใหม่ ประกาศมีผลบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2563 ที่ทางกระทรวงมหาดไทย ได้ขอเลื่อนการบังคับใช้ไป 6 เดือน เนื่องจากการจัดทำระเบียบรองรับไม่เสร็จสิ้น แต่ทางสำนักงานได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าของที่ดินและโรงเรือนให้แจ้งการครอบครองเพื่อประเมินภาษีมาก่อนการประกาศเลื่อน