“นราธิวาส-ยะลา” อ่วม หลังฝนถล่มหนัก สถานการณ์น้ำท่วม เข้าขั้น วิกฤต ลุกลามขยายเกือบทุกพื้นที่ ปภ.นราธิวาส เผย เบื้องต้น 3,000 ครัวเรือนเดือดร้อนหนัก พ่อเมืองนราฯ เตรียมประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ
นายไพศาล ขุนศรี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส เปิดเผย ความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ จ.นราธิวาสว่า ล่าสุดในวันนี้ (1 พ.ย.) ยังคงมีฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องแผ่ปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอ ส่งผลทำให้มีสภาวะน้ำท่วมขัง รวมทั้ง น้ำป่า ไหลหลาก จากพื้นที่สูง ไหลลงสู่ ในพื้นที่ทางเกษตรและบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มทั้ง 13 อำเภอ แต่พื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังอยู่ในขั้นวิกฤติอยู่ในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก จากมวลน้ำที่มีต้นกำเนิดในพื้นที่ อ.สุคิรินและแว้ง ได้ไหลบ่าลงมาสมทบลงสู่แม่น้ำสุไหงโก-ลก
ล่าสุดมีปริมาณน้ำล้นตลิ่งสูง 1.69 เมตร ส่งผลทำให้บ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างอยู่ตลอดแนวริมตลิ่ง มีน้ำท่วมขัง 7 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่ากอไผ่ ชุมชนโปฮงยามู ชุมชนท่าโรงเลื่อย ชุมชนบือเร็ง ชุมชนหัวสะพานและชุมชนเจ๊ะกาเซ็ง สูงโดยเฉลี่ย 50 ซม.-150 ซ.ม. ชาวบ้านบางส่วนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย โรงเรียนเทศบาล 4 บ้านทรายทอง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในเบื้องต้น จำนวน 21 ครัวเรือน รวม 86 คน
นอกจากนี้อำเภอที่เริ่มได้รับผลกระทบโดยน้ำได้ท่วมขังพื้นที่ราบลุ่มและการเกษตรเช่นกัน ได้แก่ อ.ระแงะ อ.บาเจาะ อ.ยี่งอ อ.แว้ง อ.สุคิรินและ อ.สุไหงปาดี ซึ่งขณะนี้สภาวะน้ำท่วมรวม 7 อำเภอแล้ว “ขณะนี้ยอดผู้ได้รับกระทบยังไม่นิ่ง ต้องรอแต่ละศูนย์ของแต่ละอำเภอรายงานเข้ามา แต่เบื้องต้นประมาณ 3,000 ครัวเรือนหรือบวกลบไม่น้อยหรือมากกว่านี้มาก และคาดว่าอาจจะมีการประกาศเขตภัยพิบัติที่โก-ลกนำร่องไปก่อนอำเภอแรก” นายไพศาล กล่าว
นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส กล่าวว่า จากสภาวะฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่อง พื้นที่ที่อยู่ในขั้นวิกฤติคือ อ.สุไหงโก-ลก ตนได้สั่งการให้ นายปรีชา นวลน้อย นายอำเภอสุไหงโก-ลก ลงพื้นที่สำรวจพร้อมรายงานให้ทราบ ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นเขตภัยพิบัติอุทกภัย เฉพาะกิจที่อยู่ขั้นวิกฤติในช่วงเย็นวันนี้
ทางด้าน จ.ยะลา สถานการณ์น้ำในแม่น้ำสายบุรี ก็ได้สูงขึ้น จนทำให้เกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ อำเภอรามัน,สุคีริน,จะแนะ ซ ศรีสาคร, รือเสาะ โดยน้ำท่วมสูงเฉลี่ยน 170 ซม.-175 ซม.