กางแผน หฤโหด พิฆาต ไพร่หมื่นล้าน กกต.จ่อดำเนินคดีอาญา “ธนาธร” หากศาล รธน.วินิจฉัย ยังถือหุ้นสื่อขณะลงสมัคร ส.ส. ชี้โทษสูงทั้งจำคุก-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี ชี้ กรณีสถานภาพ ส.ส.สิ้นสุดหรือไม่ กกต.ส่งศาล รธน.ได้ทันที
วันนี้ (19 พ.ย.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยื่นฟ้อง กกต.7 คน ต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการจากการที่รวบรัดรีบส่งคดีนายธนาธร ถือหุ้นสื่อให้กับศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยที่คณะอนุกรรมการไต่สวนฯ ยังดำเนินการสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ว่า กรณี ที่ กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของนายธนาธร สิ้นสุดลง เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสี่ ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ไม่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอื่นใด และ การวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ.2561 จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งดังกล่าว ดังนั้นเมื่อ กกต.เห็นว่าสมาชิกภาพของ ส.ส.คนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ทันที
กรณีของนายธนาธร ปรากฏต่อ กกต.ว่าสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5 )มีชื่อนายธนาธร ส.ส.เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ101 (6) ประกอบมาตรา 98 (7) กกต.จึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
สำหรับ การดำเนินคดีอาญาดังกล่าว หากวันที่ 20 พ.ย.62 ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยว่า นายธนาธร ถือหุ้นสื่อบริษัทวี- ลัค มีเดีย จริง ขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จึงถือว่ามีลักษณะต้องห้าม ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเหตุให้ สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98(7) นายธนาธรก็ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ส.ส. ทันที
จากนั้น กกต.ก็จะมาดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ที่ คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้แสวงหาข้อเท็จจริงไว้ โดยจะต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2 หมื่น – 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี