ปิดฉาก! อภิปราย พรบ.งบฯ ฝ่ายค้าน ทำใจลำบาก แต่ยอมให้ผ่าน เพื่อประเทศเดินหน้า

ปิดฉาก! อภิปราย ร่าง พรบ.งบฯ 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้าน พรรคฝ่ายค้าน ให้โอกาสรัฐบาล ยอมผ่าน วาระแรก แม้จะทำใจลำบาก หวังให้บ้านเมืองเดินหน้าได้ แต่ขอให้นำกลับไปปรับปรุง ในวาระสอง โดยเฉพาะ การจัดสรรงบฯด้านความมั่นคง 

20 ต.ค. 62 เมื่อเวลา 19.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระ 1 เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ช่วงอภิปรายสุดท้ายก่อนปิดการอภิปรายและลงมตินั้น

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานวิปฝ่ายค้าน ได้อภิปรายปิดท้ายช่วงหนึ่งว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มองภาพใหญ่ไม่เป็น สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาต่อระบบคิด ที่ควรมองภาพระดับเล็กด้วย ซึ่งการจัดงบประมาณแผ่นดินภาพรวมไม่มีความหวังต่อการแก้ปัญหาให้ประเทศ โดยการจัดงบประมาณขาดดุล ต่อเนื่อง 6 ปี ตั้งแต่รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งไม่มีความหวังว่าประเทศไทยจะหมดหนี้สินได้เมื่อใด

นายสุทิน กล่าวว่านอกจากนั้นในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจตนเชื่อว่าหลายประเทศประสบปัญหาเช่นกัน แต่กลุ่มประเทศเหล่านั้นแค่เซ แต่กรณีประเทศไทยเชื่อว่าจะล้ม เพราะได้รับผลกระทบมากที่สุด ขณะที่ภาพรวมของการจัดสรรงบประมาณ ปี 2563 สะท้อนให้เห็นภาพว่า ในปีหน้าภาวะประเทศจะเป็นหนี้สูงที่สุด ทั้งหนี้ครัวเรือน และภาวะความเหลื่อมล้ำจะเพิ่มสูง คนตกงานมากที่สุด กว่า 4 แสนคน และมีผู้ที่จบปริญญาตรี จะตกงานกว่า 3 แสนคน ขณะที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะต่ำที่สุด

“การจัดสรรงบประมาณเพื่อการลงทุนลดลง คือ การพัฒนาประเทศจะลดลงด้วย ผมต้องทวงจากท่าน คือ การปฏิรูปประเทศ แต่การปฏิรูปประเทศต้องปฏิรูปด้านการจัดสรรงบประมาณ ทั้งนี้ผมสงสัยว่ารัฐบาลจะลงทุนเป็นหรือไม่ เพราะลงทุนในโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ส่วนรายรับที่รัฐบาลประมาณการสูงกว่าความเป็นจริง กว่าแสนล้านบาท ถือว่าสวนทางกับความเป็นจริง เพราะเศรษฐกิจถดถอย การส่งออกจะถดถอย และการท่องเที่ยวจะลดลง ส่วนที่รัฐบาลตั้งความหวังไว้ที่โครงการอีอีซีเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าลงทุน สำหรับการแก้ปัญหาของรัฐบาลเหมือนกับปวดท้อง แต่ซื้อยาแก้ปวดหัวมากิน เพราะรัฐบาลขาดประสิทธิภาพของการใช้จ่ายเงิน และทำให้การใช้จ่ายไม่คุ้มค่า ทั้งนี้รัฐบาลพยายามกระตุ้นการใช้จ่ายเงินแต่คือการสนับสนุนกลุ่มเจ้าสัว”

 

 

นายสุทิน กล่าวด้วยว่างบประมาณด้านความมั่นคงที่มากกว่าการพัฒนาคนและเศรษฐกิจ สะท้อนให้เห็นว่าการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ทั้งนี้เข้าใจว่านายกฯ คือ ทหารเก่าอาจต้องศึกษาประวัติศาสตร์ที่พบว่าบางประเทศในยุคทำสงครามต้องสะสมอาวุธทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ แต่บางประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่นที่ยุคหลังสงครามตัดงบกลาโหม และความมั่นคง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจก้าวหน้า ดังนั้นขอให้รัฐบาลทบทวนงบประมาณของกระทรวงที่เกี่ยวกับความมั่นคงเพื่อพัฒนาคนและเศรษฐกิจ ส่วนกรณีการทำงบประมาณนอกกฎหมายงบประมาณและตรวจสอบไม่ได้ เช่น สั่งจ่ายงบสะสมท้องถิ่น ที่ไม่เป็นไปตามระเบียบวิธีงบประมาณ, งบกลาง พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นให้ตีความ อย่างไรตนขอให้รัฐบาลรับข้อเสนอแนะของฝ่ายค้านไปปรับปรุงในวาระสอง

“วันนี้ที่ว่ากันมา จะยกมือให้หรือไม่ ผ่านไหม เรียนตรงๆพวกผม 7 พรรคจะยกมือให้ทำใจลำบาก ถ้าจะยกให้ตกเราก็ห่วงประเทศชาวบ้าน ดังนั้น จะยกมือให้ทำใจลำบาก จะยกให้ตกใจก็ไม่กล้าพอ เพราะนึกถึงชาวบ้าน จะให้โอกาสท่าน แม้จะว่าทั้งวัน เราจะให้โอากาสผ่านไป แต่มีข้อแม้ว่าในวาระที่สองหวังว่าจะช่วยกันทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ แก้เท่าที่โอกาสอำนวย ถ้าไม่ทำ วาระสาม พวกผมขอสงวนสิทธิ์ อย่าประมาทไป เลือกตั้งซ่อมมือของพวกผมอาจเยอะกว่าพวกท่าน” นายสุทิน กล่าว