โต้เดือด! สส.รุ่นหลาน สับ “ลุงตู่” อย่าอ้าง “อาบน้ำร้อน” มาก่อน ฉะยับ ไร้วิสัยทัศน์ ดีแต่ผลาญงบฯ

สส.รุ่นใหม่ พท. อภิปราย โจมตี ร่าง พรบ.งบฯ ดุเดือด ฉะ รัฐบาล มุ่ง ประเคนให้ กลาโหม-มหาดไทย มากกว่า หน่วยงานอื่น โต้ “ลุงตู่” อย่าอ้าง “อาบน้ำร้อน”มาก่อน แต่อยู่ที่ วิสัยทัศน์ การทำงาน และ แก้ปัญหา ทุจริต เย้ย ไม่ใช่ คิดแต่ ขูดรีด ขึ้นภาษี นำไปใช้อย่างฟุ่มเฟือย

วันที่ 19 ต.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายศุภชัย โพสุ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วันที่ 3 โดยฝ่ายค้านเปิดโอกาสให้ส.ส.หน้าใหม่ ขึ้นอภิปราย เริ่มจาก น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณ ที่เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา 2 แสนล้านล้านบาท และตั้งเป้าการจัดเก็บรายรับ ที่ 2.731 ล้านบาท สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่มีปัญหา

จึงขอเรียกร้องอย่าใช้มาตรการเก็บภาษี ลักษณะรีดเลือดจากปู หรือ ขึ้นภาษีตามอำเภอใจ แล้วนำมาใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย และจากการตั้งงบประมาณ ที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวของการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่พยายามสืบทอดอำนาจ เน้นจัดสรรงบให้กระทรวงกลาโหม และมหาดไทย ในฐานะหน่วยงานด้านความมั่นคงมากกว่าด้านอื่นๆ

ส่วนการจัดสรรให้กระทรวงที่พัฒนาศักยภาพของมนุษย์ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ ที่ได้มา 3.6 แสนล้านบาท พบว่ามีตัวเลขงบโดยรวมลดลง 8,000 ล้านบาท แต่การจัดสรรงบประมาณที่ลดลง ไม่น่ากังวลเท่ากับการบริหารงบประมาณที่ขาดวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นในวงการด้านการศึกษาซึ่งยุค คสช. พบการเรียกรับเงินจากผู้ปกครองเข้าโรงเรียนใกล้บ้านที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งกรณีดังกล่าวตรวจสอบแล้วแต่เรื่องเงียบเนื่องจากมีการทำเป็นกระบวนการและยังพบปัญหาล็อคเสปค แบบเรียน จากบุคคลใกล้ตัวของรัฐบาล ขอให้รัฐบาลเร่งตรวจสอบด้วย

และการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อภิปรายเมื่อช่วงดึกของวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าเป็นคนอาบน้ำร้อนมาก่อนนั้น ดิฉันเห็นว่าเกิดก่อน เกิดหลังไม่เกี่ยว อยู่ที่ว่าจะรับฟังส.ส.และเรียนรู้หรือไม่ เพราะเป็นการสะท้อนเสียงประชาชน หากปิดหู ต่อต้าน หรือไม่รับฟัง จะทราบปัญหาที่แท้จริงได้อย่างไร

ขอถามท่านผู้นำว่าบริหารประเทศมา 5 ปี ท่านไม่ละอายใจบ้างหรือที่บอกว่าจะคืนความสุขให้ประชาชน แต่เห็นชัดว่าบ้านเมืองเราย้อนหลังไป 30 ปี แสดงให้เห็นว่าการที่ยึดอำนาจไปไม่ได้เป็นสิ่งดีให้กับประชาชน ปัญหาทุกอย่างก็ยังวนเวียนอยู่ เหมือนกับนโยบายของรัฐบาลปัจจุบันใช่หรือไม่ ที่ว่าจนยั่งยืน

นายสันติ กีรนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่า ขอท้วงติงต่อการจัดสรรงบประมาณในยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจัดสรรรวม 1.8 แสนล้านบาท ถือว่าน้อยเกินไป เพราะเป็นยุทธศาสตร์ที่เน้นการพัฒนาคน และเป็นเรื่องระยะยาว ทั้งนี้ในการอภิปรายของสมาชิก

ตนขอให้อย่ามองประเทศไทยในแง่ร้าย แต่ควรมองหาช่องทางเพื่อปรับปรุง ทั้งนี้ยอมรับว่าในประเด็นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจของประเทศที่น่ากลัว คือ ความมั่งคั่ง ที่มีคนรวย 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับประชากรทั้งประเทศ ถือครองทรัพย์สินคิดเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ของทรัพย์สินของประเทศทั้งหมด