นายกฯ ยัน ครม.แต่งตั้งบอร์ด รัฐวิสาหกิจ ชุดใหม่แล้ว ออกหน้า ปกป้อง ผบ.ทบ.พูดไปเพราะรักชาติ ขอแยกแยะหยุดขัดแย้ง โยน คณะกรรมการ ตัดสิน ปม แบน 3 สารเคมีการเกษตร กำชับ เดินหน้าโครงการ ไฮสปีด เมิน กลุ่มซีพี ร้องศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีการเดินทางไปเป็นตัวแทนประเทศไทยเพื่อร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมเด็จพระจักรพรรดิญี่ปุ่น ว่า เป็นการเดินทางไป ตามคำเชิญของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยมีตนเอง ภริยาและคณะข้าราชการบางส่วนที่เดินทางไป ซึ่งถือว่าเป็นพิธีสำคัญ
ส่วนกรณีบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ในสังกัดกระทรวงคมนาคมหลายแห่งนั้น นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีการแต่งตั้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สามารถทำงานต่อหลังจากนี้ได้ ซึ่งรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน คาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ทันตามสัญญากำหนดในวันที่ 25 ตุลาคมนี้
โดยรับรายงานจาก นายอนุทินชาญ วีรกุล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข รวมถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ขณะที่กลุ่มบริษัทซีพียื่นศาลปกครองคุ้มครองชั่วคราว ในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา นายกรัฐมนตรีมองว่าเป็นสิทธิ์ของเอกชน ที่จะยื่นร้องต่อศาล แต่รัฐบาลก็สามารถทำงานควบขนานไปได้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีนักกิจกรรมทางการเมือง เรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือส.ส. งดออกเสียง อนุมัติพระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วน ของกองทัพบก กองทัพไทย กระทรวงกลาโหม ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 มองว่าเป็นเรื่องในสภาฯที่จะต้องพิจารณา เพราะส่วนตัวไม่ยุ่งเกี่ยว
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง กรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.จัดบรรยายพิเศษในหัวข้อ แผ่นดินของเรา ในมุมมองด้านความมั่นคง ว่า ได้เอาสาระสำคัญมาพิจารณาแล้ว เห็นว่าเป็นเรื่องการปลูกฝังความรักชาติ และประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศ รวมไปถึงประเด็นการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ที่เกิดความขัดแย้งและทำให้นโยบายขับเคลื่อนไปไม่ได้ จึงอยากให้ทุกคนระมัดระวัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ฟังต้องแยกแยะเอาเอง
ส่วนกรณีการต่อต้านสารเคมีทางการเกษตร 3 ชนิดที่เป็นอันตราย ส่วนตัวได้แสดงจุดยืนไปแล้ว ให้มีการลด ละ เลิก สารเคมีดังกล่าวตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา เมื่อมีคณะกรรมการใหม่เข้ามาจึงต้องเป็นไปตามขั้นตอน และเป็นเรื่องที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายต้องลงมติในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ แต่ต้องหาวิธีการดำเนินการที่เหมาะสมในการบริหารเพื่อให้สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า มีการพูคุยกับทุกรัฐมนตรีและทุกพรรคการเมืองในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง และในช่วงพักการประชุมคณะรัฐมนตรี ก็มีการพูดคุยกันและไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด สามารถเดินหน้าไปได้ อะไรที่ติดขัดก็มาหารือกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นรัฐมนตรีคนละพรรคก็ตาม เพราะเป็นรัฐบาลของคนไทยและประเทศไทย จึงต้องทำให้ได้