นายกฯ ประชุม ครม.เศรษฐกิจ พิจารณามาตรการ ส่งเสริมการท่องเที่ยว-ติดตามภาวะส่งออก ก่อนชีพจรลงเท้า ลงพื้นที่ ไปเมืองดอกบัว อุบลราชธานี ขณะ ปธ.วิปฝ่ายค้าน มั่นใจ 18 พรรคร่วมรัฐบาล ผนึกกำลังเหนียวแน่ รับศึก อภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 โฆษก พท.เย้ย ศึกครั้งนี้ ไม่เหมือน ยุค สนช.ที่ใช้เวลาเพียง 30 นาที
ช่วงเช้าวันนี้ (11 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยมีบรรดารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม โดยมีวาระหลัก 3 เรื่องคือ 1.การติดตามสภาวะเศรษฐกิจ 2.การแก้ไขปัญหาอุปสรรคด้านการท่องเที่ยว และ3.การติดตามภาวะกาส่งออกของประเทศ
นอกจากนี้ จะพิจารณาเรื่องการฟื้นกรอบการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งจะทำการรวบรวมผลการศึกษา ผลการรับฟังความคิดเห็น เพื่อเสนอระดับนโยบายฟื้นกรอบการเจรจาให้ได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนธันวาคม 2562 โดยภายหลังการประชุมเสร็จสิ้น ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะจะลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามการฟื้นฟู เยียวยา การบำบัดน้ำเสีย รวมถึงการซ่อมแซมบ้านเรือน และสาธารณประโยชน์ พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ที่จ. อุบลราชธานี
นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของฝ่ายรัฐบาล ที่จะเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวิสามัญ เพื่อพิจารณาพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ว่า การอภิปรายพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน สามล้านล้านสองแสนบาทเบื้องต้นทางรัฐบาลจะใช้เวลา 3 วัน ระหว่าง17 ต.ค.-19 ต.ค.62 ในกรอบเวลา 30 ชม.
ส่วนกรณีเสียงปริ่มน้ำของทั้งฝ่ายรัฐบาลจะมีผลต่อการโหวตพระราชบัญญัติดังกล่าวให้ไม่ผ่านในวาระเเรกหรือไม่นั้น นายวิรัช กล่าวว่า ตนไม่กังวล พร้อมมั่นใจว่า ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 18 พรรค จะเข้าร่วมในการโหวตเเละอภิปรายพระราชบัญญัติดังกล่าวในทุกวัน เเละในส่วนของรัฐมนตรีที่ยังดำรงตำเเหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรร่วมด้วย ก็พร้อมที่จะเข้าโหวต ตามมาตรา 124 ของรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้สามารถลงคะเเนนได้ เพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพเเละการดำเนินงานของรัฐบาล โดยฝ่ายรัฐบาลจะจัดสรรเวลาให้เพื่อนสมาชิกของฝ่ายรัฐบาลอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ นายวิรัช กล่าว่า เบื้องต้นฝ่ายรัฐบาลเเละฝ่ายค้านยังไม่ได้มีการเจรจาหารือกัน เเต่ในเรื่องของเวลาในการอภิปราย จะจัดสรรให้เท่ากันทั้งฝ่าย เเละในการอภิปรายคือ ภาพรวมของเเต่ละกระทรวง รวมไปถึงการเนินงานของรัฐบาล ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้น จะมีการหารือในสัปดาห์ต่อไป
ด้าน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐบาลจะไปเข้าใจ และคาดหวังว่า บรรยากาศการอภิปรายจะเหมือน 5 ปีที่ผ่านมา ที่ไม่เคยมีการตรวจสอบ สภานิติบัญญัติ (สนช.) ใช้เวลาพิจารณาเฉลี่ยแต่ละครั้งเพียง 30 นาที จนถูกมองว่าทำให้การอภิปรายงบประมาณเป็นเพียงพิธีกรรม ไม่ได้อีกแล้ว ช่วงที่ผ่านมาประชาชนเห็นแต่พรรคเพื่อไทย พรรคฝ่ายค้าน ติวเข้ม ซักซ้อมความมั่นใจในการอภิปราย แต่พรรครัฐบาลมีแต่สาละวนวิ่งเจรจาหาเสียงสนับสนุน มาแก้ปัญหาเสียงปริ่มน้ำ ถึงขั้นเสี่ยงให้รัฐมนตรีมาช่วยโหวตงบประมาณ ที่จะถูกยื่นตีความถึงผลประโยชน์ทับซ้อน มีส่วนได้ส่วนเสียของรัฐมนตรีกับร่างพ.ร.บ.งบประมาณก็เอา หากงบประมาณไม่ผ่านสภา ปัญหาก็มาจากรัฐบาลเอง รัฐบาลอย่าเล่นเกมการเมือง โยนความผิดให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน
“เลิกได้แล้ว การเมืองแบบเก่า อภิปรายสู้ไม่ได้ ก็หาเหตุประท้วง ตีรวน ไม่ลืมหูลืมตา ให้ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ ดีกว่า ซึ่งปัญหาการจัดทำงบประมาณที่ไม่เอื้อต่อการเสริมศักยภาพการแข่งขันของประเทศ การพิจารณากฎหมายแต่ละฉบับมีความยากลำบาก มาจากรัฐธรรมนูญที่เป็นปัญหา เป็นเหตุให้เกิดรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ เมื่อหวาดกลัวว่ากฎหมายจะไม่ผ่านสภา การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นทางออก และถือเป็นวาระเร่งด่วน” นายอนุสรณ์ กล่าว