ความจริงที่ต้องรู้ กรณี ‘ญีฮาดและปอเนาะ’

ยังมีการส่งต่อ กรณีึการเข้าตรวจค้นปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนา จนกลายเป็นการสร้างกระแสความเข้าใจผิด เกิดความเกลียดชังความแตกแยกในสังคม ข้อเขียนนี้จึงมุ่างสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง

ความจริงที่ต้องรู้ กรณี ‘ญีฮาดและปอเนาะ’
โดยอับดลฆอนี

ขออธิบายเพื่อการสร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ พุทธ อิสลาม คริสต์ อยู่ในผืนแผ่นดินไทยมายาวนาน ร่วมก่อก่อร้างสร้างประเทศกันมา และส่วนใหญ่ก็เป็นพี่น้องกัน ในครอบครัวเดียวกัน คนหนึ่งอาจจะเป็นพุทธคนหนึ่ง อาจจะเป็นอิสลาม ไม่ใช่คนนอกหรือคนแปลกหน้าแต่อย่างใด

ปัญหาที่เป็นอยู่ คือมีการสถานการณ์เกิดขึ้น และเชื่อมโยงกับพี่น้องบางคน บางฝ่าย ทำให้ รู้สึกเป็นคนแปลกหน้ากัน และมีการส่งต่อข้อมูลเพื่อทำลายล้างกัน ให้เกิดความเข้าใจผิดระหว่างกัน ให้เกิดความแตกแยกระหว่างกัน

ในข้อเขียน เรื่อง ความจริงที่ต้องรู้ ทำไม? ต้องตรวจค้นปอเนาะ ที่มีการส่งต่อกัน ระบุว่า เขียนโดย จิรัฏฐ์ บุญนาม เป็นข้อเขียนที่เกิดจากความเข้าใจผิด ในหลายประการ

เริ่มต้นข้อเขียนที่อ้างถึงคำว่า ‘ญิฮาด’ หมายถึง สงคราม เป็นการให้ความหมายที่ผิด ‘ ญิฮาด’ โดยความหมายที่แท้จริง หมายถึง การดิ้นรนต่อสู้หรือความพยายาม ในทางศาสนาหมายถึง ความพยายามที่จะเพิ่มศรัทธาในพระเจ้ารวมทั้งการทำความดี

มีสาวกถามท่านศาสดาว่า ญีฮาดที่ใหญ่ คือจะต้องต่อสู้กับใคร ท่านตอบว่า การญีฮาดที่ต่อสู้ชนะใจตนเอง เหมือนที่พระพุทธเจ้าต้องการหลุดพ้นจากเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็ใช้การต่อสู้ดิ้นรนในหลากหลายวิธี จนสุดท้ายค้นพบวิธีที่เป็นวิถีของชาวพุทธในเวลานี้

อีกด้านหนึ่ง การ ‘ญีฮาด’ หมายถึงการต่อสู้กับบุคคอื่นด้วย แต่ศาสนาก็ได้วางกฎไว้ชัดเจนในการต่อสู้ เช่น เป็นการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง การต่อสู้ในกรณีที่ถูกห้ามปฏิบัติศาสนกิจ เช่น หากประเทศหนึ่งกฎห้ามมุสลิม ‘ละหมาด’ ก็สามารถที่จะต้อสู้ได้

การต่อสู้มีหลายระดับ ตั้งแต่การใช้วาจา จนถึงการใช้กำลัง ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของสังคมโลก

กรณีของ ‘ปอเนาะ’
ปอเนาะ เกิดจากความจำเป็นของมุสลิม ที่จะต้องศึกษาเรียนรู้ หลักการศาสนา ตั้งแต่การละหมาด และวิธีการปฏิบัติอื่นๆ รวมทั้งการอ่านกุรอ่าน เป็นภาระความจำเป็นของพ่อแม่ ผู้ปกครองที่จะต้องให้การศึกษาแก่ลูกหลาน เพื่อให้การดำรงตนเป็นไปอย่างถูกต้อง เพราะอิสลามเชื่อว่า โลกนี้ถึงวันหนึ่งจะต้องแตกดับ และเมื่อโลกแตกดับมนุษย์ทุกคนก็จะเกิดใหม่ และจะต้องถูกสอบสวนความดีความชั่ว คนประกอบกรรมดี ก็จะได้อยูในภาพภูมิที่ดี คนประกอบกรรมชั่ว ก็จะต้องไปอยู่ในภาพภูมิที่เลวร้าย

หน้าที่ของพ่อแม่ คือ การนำพาบุตรหลานไปสู่ภพภูมิที่ดี คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้อง หากพ่อแม่มีความรู้ก็จะสอนลูกหลานเอง แต่หากไม่มีความรู้ก็จะนำบุตรหลานไปให้ครูสอน ดังนั้น หมู่บ้านจึงมีผู้รู้ทำหน้าที่สอน โดยเฉพาะสอนการอ่านกุรอ่าน

ผู้รู้ เมื่อมีคนมาเรียนมาก และมีจากที่ไกลๆ ก็มีการปลูกกระต๊อบ กระท่อมให้เด็กอยู่กินนอนอยู่ที่นั่น กลายเป็น ปอเนาะตามที่เรียกกัน ต่อมาก็ได้พัฒนาเป็นโรงเรียนสอนศาสนา

นักเรียนที่เรียนปอเนาะ ในเวลาปกติก็ไปเรียนสามัญ ตามโรงเรียนปกติ แต่หากเป็นโรงเรียนสอนศาสนา ก็มีหลักสูตรบูรณาการ ที่ได้รับการรับรอบจากกระทรวงศึกษาธิการ

การดำรงอยู่ของโรงเรียนสอนศาสนา ไม่ได้อยู่เป็นเอกเทศ แต่อยู่ในการควบคุมและกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ เหมือน มัสยิด ที่จะอยู่ในกำกับดูแลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ไม่มีองค์กรใด เป็นเอกเทศ เป็นอิสระอย่างที่มีการพูดถึงกัน

ปอเนาะ และโรงเรียนสอนศาสนา กระจายอยู่ทั่วประเทศทีมีมุสลิม ตั้งแต่เชียงใหม่จนถึงนราธิวาส นับหมื่นแห่ง หรือหลายหมื่นแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา

อาจจะมีบ้างในบางแห่ง ที่อาจจะมีการสอนในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งมีน้อยมาก เพียง แห่งหรือ 2 แห่งเท่านั้น

ปัญหาคือ ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา แต่การเข้าไปตรวจค้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการโหมกระพือข่าวใหญ่โต ได้สร้างปัญหาเกิดความเข้าใจผิด อย่างที่พวกท่านๆ เข้าใจผิดว่า ปอเนาะทุกแห่งจะสอนแบบนั้นหมด

และต้องแยกระหว่าง คำสอนศาสนากับการกระทำของบุคคลออกจากกัน การกระทำของบุคคลที่ไม่ใช่คำสอนทางศาสนาต้องไม่นำมาเชื่อมโยงว่า เป็นเรื่องศาสนา

อย่างการตรวจค้นปอเนาะที่ปัตตานี ที่พบเด็กชายชาวกัมพูชา ก็ไม่พบข้อมูลว่า คนเหล่านี้ เข้ามากระทำความผิด นายกฯฮุนเซ็น ขอข้อมูลจากการกระทำความผิด ก็ไม่มีข้อเท็จจริงให้ เพียงแต่พวกเขาเข้าเมืองผิดกฎหมายเพื่อมาเรียนหนังสือเท่านั้น

แต่การโหมสร้างข่าวโดยหน่วยความมั่นคง ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด แะเกิดกระแสความเกลียดชัง สร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้น

ดีที่สุด อันไหนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ก็ให้หน่วยงานมั่นคงเข้าไปดูแล อันไหนที่ เกี่ยวข้อกับหน่วยงานปกติ เช่น ปัญหาหลักสูตร ปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณ ก็ให้กระทรวงศึกษาธิการเข้าไปดูแล เพราะเมื่อหน่วยงานความมั่นคงเข้าไป ก็ถูกมองเป็นเรื่องความมั่นคง

ทำได้แบบนี้ ก็ไม่เกิดความเข้าใจผิด และได้รับการยอมรับในทุกระดับ

——————–

ข้อเขียนที่สร้างความเข้าใจผิด และมีการส่งต่อกันอย่างต่อเนื่อง

#ความจริงที่ต้องรู้ ทำไม? ต้องตรวจค้นปอเนาะ

โรงเรียนญิฮาดวิทยา จ.ปัตตานี
Cr.จิรัฏฐ์ บุญนาม
ชื่อโรงเรียน ญิฮาด ก็มีความหมาย. แปลว่า สงคราม ในตัวอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นถึงเวลาหรือยัง!! ที่จะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการจัดระบบโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถตรวจสอบได้ สามารถเทียบเท่ากันเหมือนกับต่างพื้นที่ และมีความโปร่งใสตอบโจทย์ต่อสังคมได้โดยไม่มีข้อกังขา!!

——————————————————-
การศึกษาถือเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ แต่ด้วยความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และศาสนา และปัญหาด้านต่าง ๆ ที่ทับซ้อนกันอยู่จึงทำให้ที่ผ่านมาทำให้การให้โอกาสและคุณภาพในการศึกษาอาจติดขัดในหลายด้าน

แต่ ณ ขณะนี้หลายฝ่ายต่างก็เห็นร่วมกันว่า การพัฒนาด้านการศึกษาจะเป็นการแก้ไขปัญหาความไม่สงบได้อย่างแท้จริงและยั่งยืนที่สุด

ทั้งด้านการประกอบอาชีพ ด้านจริยธรรม การปฏิบัติต่อตนเอง ครอบครัว สังคม ตลอดจนการกินอยู่ การแต่งกาย รวมทั้งการปฏิบัติตามพิธีกรรมทางศาสนา

ซึ่งมีวิธีการปฏิบัติที่เคร่งครัด และเป็นสิ่งจำเป็นที่มุสลิมต้องศึกษา และปฏิบัติให้ถูกต้อง ด้วยเหตุนี้

#ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้จึงให้ความสำคัญกับการศึกษาด้านศาสนาเป็นสำคัญ ซึ่งจะเห็นได้จากการส่งลูกเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาเป็นจำนวนมาก

โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม มีต้นกำเนิดจากสถานศึกษาที่เรียกว่า “ปอเนาะ”สถาบันการศึกษาแบบดั้งเดิม สอนเรื่องศาสนาเป็นหลัก

ต่อมารัฐมีนโยบายที่มุ่งพัฒนาการจัดการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อสร้างความมั่นคงในพื้นที่และนำไปสู้การประกอบอาชีพอย่างแท้จริง ทำให้เกิดการพัฒนาและจดทะเบียนเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม

โดยรัฐบาลได้ให้เงินอุดหนุน และมีการนำหลักสูตรสามัญเข้าสอนควบคู่กับหลักสูตรศาสนาตามที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด

#อย่างไรก็ตามยังคงมีปอเนาะบางแห่งก็ยังคงรูปแบบการสอนศาสนาอย่างเดียวอยู่เช่นเดิม ซึ่งรัฐบาลอนุญาตให้จดทะเบียนเป็นสถานศึกษาในรูปแบบพิเศษอีกหนึ่งรูปแบบ โดยใช้ชื่อว่า “สถานศึกษาปอเนาะ”พร้อมกับให้เงินอุดหนุนบางส่วน

ในความช่วยเหลือที่ทางรัฐบาลได้เข้าไปช่วยเหลือยังมีบางสถาบันการศึกษายังคงรับเงินอุดหนุนจากกลุ่มขบวนการ ซึ่งมีต้นทุนเดิมอยู่แล้ว

#อะไรคือสาเหตุที่คนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐ มอง“โรงเรียนปอเนาะ”หรือ“โรงเรียนสอนศาสนาเอกชน”เหล่านั้นในแง่ลบ ซึ่งจะต้องมีเหตุและผลถึงความเป็นมาจะต้องมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้มีความเชื่อแบบนั้น

เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนของ“โรงเรียนปอเนาะ”เหมือนกับโรงเรียนประจำ กินอยู่หลับนอนอยู่ภายในโรงเรียน

การควบคุมดูแลของสถาบันการศึกษาเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง อีกทั้งที่ผ่านมาการเข้าไปตรวจสอบดูแลกระทำได้ยากเพราะมีบุคคลบางกลุ่มพยายามกล่าวอ้างว่า“โรงเรียนปอเนาะ”เป็นสถานที่สอนศาสนา

#การเข้าไปทำการตรวจสอบเป็นการคุกคามและไม่ให้เกียรติสถานที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปสอดส่อง

#กลุ่มขบวนการได้ฉวยโอกาสใช้“โรงเรียนปอเนาะ”#บางแห่งใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะ ซ่องสุมกำลังทำการก่อเหตุในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่

จึงเกิดเหตุความไม่ชอบธรรมในการบริหารโรงเรียนมีให้เห็นกันหลายโรงเรียน เช่น

โรงเรียนบูรพาวิทยา จ.นราธิวาส
โรงเรียนญิฮาดวิทยา จ.ปัตตานี
Cr.จิรัฏฐ์ บุญนาม
ชื่อโรงเรียน ญิฮาด ก็มีความหมาย. แปลว่า สงคราม ในตัวอยู่แล้ว
โรงเรียนบากงพิทยา จ.ปัตตานี

ที่มีการตรวจสอบความไม่ชอบธรรมในการบริหารจัดการของโรงเรียน มีการฉ้อโกงเงินค่าหัวนักเรียน และสถาบันดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับการฝึกอาวุธของกลุ่มโจร

#และล่าสุดเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 กันยายน 62 ที่ผ่านมา

สืบเนื่องมาจากการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในชายแดนใต้ และได้ให้การซัดทอดว่าใช้โรงเรียนสอนศาสนาดังกล่าวเป็นที่หลบซ่อนตัวในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา

#เนื่องจากบางโรงเรียนปลุกฝังให้นักเรียนเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐและอบรมบ่มเพาะแนวคิดอิสลามแนวทางที่รุนแรงด้วย

ทำให้บางโรงเรียนต้องปิดลง สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดก็คือนักเรียนทีขาดโอกาสในการหาความรู้ในการดำรงชีพในอนาคต

การบริหารจัดการในสถาบันการศึกษาควรมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่เป็นความจริง ไม่มีการทุจริตเงินค่าหัวนักเรียน ไม่ควรรับเงินอุดหนุนจากกลุ่มขบวนการในการพัฒนาโรงเรียน

ในส่วนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิง ในเบื้องต้น ยังไม่ได้แจ้งข้อหาการให้ที่พักพิงแต่อย่างใด

ซึ่งหากการสอบสวนพบรู้เห็นกับการใช้โรงเรียนเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของโจรใต้ซึ่งมีหมาย ป.วิอาญา เป็นผู้ให้การสนับสนุน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย

ซึ่งนอกจากจะได้รับโทษในฐานให้ที่พักพิง ซึ่งได้กำหนดอัตราโทษสูงสุดให้จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาทแล้ว ยังอาจได้รับโทษฐานมีส่วนร่วมหรือการสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งมีโทษที่สูงขึ้นอีกด้วย

ตราบใดที่การแก้ปัญหาไม่ถูกจุด ปล่อยให้ขบวนการปลูกฝังแนวความคิดที่ผิดๆให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษาต่อไป มีการสืบทอดส่งต่อความสำนึกร่วมไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน #ความสงบสุขที่ทุกคนต่างเรียกหาก็ยังไม่เกิด

ผู้คนต้องบาดเจ็บล้มตายอีกกี่ศพ สื่อให้เห็นถึงเบื้องลึกเบื้องหลังการปลูกฝังความเกลียดชังต่อเจ้าหน้าที่รัฐ รวมไปถึงรัฐไทยมีการปูพื้นมาตั้งแต่เล็กในโรงเรียนสอนศาสนาที่ยากต่อการตรวจสอบ

เพราะฉะนั้นถึงเวลาหรือยัง!! ที่จะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการจัดระบบโรงเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สามารถตรวจสอบได้ สามารถเทียบเท่ากันเหมือนกับต่างพื้นที่ และมีความโปร่งใสตอบโจทย์ต่อสังคมได้โดยไม่มีข้อกังขา!!

Cr.Sompon Sangkasaph


มาเลเซีย ซึ่งเป็น ประเทศมุสลิมแท้ๆ นายก ของเขา ยังกล่าวว่า เด็กในบ้านเขา เรียนด้านศาสนามากเกินไป และเรียนวิชาการอื่นๆ โดยเฉพาะ ภาษาอังกฤษ น้อยเกินไป จบมาแล้ว ก็จะทำมาหากินอะไรไม่ได้ นอกจากจะเป็น ครูสอนศาสนา (ULAMA ) ซึ่งก็จะสร้างปํญหาต่อไป ที่สำคัญก็คือ จะทำให้ โง่กว่า ชาติอื่นๆ แต่บ้านเรา ซึ่งไม่ใช่ประเทศมุสลิม กลับทำตรงข้ามกับเขา เรา สนับสนุนส่งเสริม ให้เรียนด้านศาสนากันตั้งแต่เล็กๆ จนถึงขนาด รัฐบาล มีโครงการ จะจัดตั้ง มหาวิทยาลัยอิหม่าม ให้ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตรงกันข้ามกัน ลองพิจารณาก็ได้ ว่าเข้าท่าหรือไม่