“ชีวิตครูคนหนึ่งต้องพังพินาศ เพราะตำรวจต้องการปิดคดี” แนะเอาให้หนักฟ้องแพ่ง-อาญา ตำรวจ-อัยการ

ทางออกของคดีนี้คือ ครูจอมทรัพย์ ผู้เสียหายต้องยื่นฟ้องแพ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และฟ้องแพ่งสำนักงานอัยการ  เพราะหากว่าเจ้าพนักงานอัยการพินิจพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตำรวจทำสำนวนมามั่วอย่างไรต้องสอบพบความไม่ชอบในสำนวนการสอบสวน

อย่างไรก็ตาม นอกจากฟ้องแพ่งแล้ว ครูจอมทรัพย์จะต้องฟ้องอาญาด้วย  เพราะหลักกฏหมายระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 200 ว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา  หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด  มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท  ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็นการเพื่อ จะแกล้งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการ เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

แนะนำว่าให้ปรึกษาทนายความ ซึ่งเชื่อว่าคดีดังขนาดนี้คงมีทนายอยากทำคดีให้หลายคน เอาให้ตำรวจ-อัยการเข้าไปนอนไปคุกเสียบ้าง และไม่ยกเว้นความผิดตามมาตรา 157 ละเว้นหรือปฏิบัติหน้่าที่โดยมิชอบด้วย 

” ชีวิตครูคนหนึ่งต้องพังพินาศ สูญเสียเกือบทุกอย่าง เพราะตำรวจคนหนึ่งทำเพียงเพื่อให้ตัวเองได้ดูดีว่าจบปิดคดีนี้ได้แล้ว ถามว่าถึงวันนี้พวกคุณยังภูมิกันอีกหรือที่ทำแบบนี้ลงไป อย่าให้สังคมคิดไปถึงขั้นที่ว่าเป็นเพราะครูไม่จ่ายเงิน เลยทำสำนวนใส่ร้ายเขา  กฏหมายว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่เรื่องของกรรม เชื่อเถิดว่าพวกคุณที่กระทำกับคุณครู “จอมทรัพย์” ต้องรับกรรมจากผลของการกระทำครั้งนั้นอย่างแน่นอน ”

ครูจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร เข้าพบ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม

Tnews