นิพนธ์ บุญญามณี ว่าที่รมช.มหาดไทย ออกโรงแจงข้อร้องเรียน ยันทำเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน ไม่ใช่การทุจริต มั่นใจไม่มีปัญหาคุณสมับติ
17 มิ.ย.62- นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย(รมช.มหาดไทย)ในนามพรรคประชาธิตย์ ถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ไปยื่นเรื่องคัดค้านการดำรงตำแหน่งของตนเองโดยอ้างมีกรณีทุจริตขณะปฏิบัติหน้าที่นายกอบจ.สงขลาอยู่ที่ ป.ป.ช.ว่า การร้องเรียนเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างรถซ่อมบำรุงถนน สองคันรวม 50 ล้านบาทนั้น ไม่ใช่การร้องเรียนว่าตนทุจริต แต่เป็นกรณีที่ตนไม่จ่ายเงิน เนื่องจากการจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวมีปัญหา และเป็นการดำเนินการก่อนที่ตนรับตำแหน่ง เมื่อเข้ารับตำแหน่งก็มีการร้องเรียนว่ามีปัญหาเรื่องการสมยอมราคา มีลักษณะคล้ายกับกรณีรถดับเพลิง กทม. ทำให้ไม่จ่ายเช็คออกไป แต่งตั้งกรรมการตรวจสอบก่อน ซึ่งมีหนังสือผู้ว่าราชการจังหวัดลงวันที่ 5 มิ.ย.57 ระบุให้จ่ายเงินแต่ให้ตรวจสอบกรณีที่มีการร้องเรียนด้วย หากใครทำผิดให้ดำเนินการทั้งคดีแพ่งและอาญา การกระทำของตนจึงเป็นการรักษาผลประโยชน์ของจังหวัด ไม่มีเรื่องทุจริตแต่อย่างใด ดังนั้นจึงถือหลักตามหนังสือจังหวัดตรวจสอบก่อนจ่ายเงิน เพราะหากจ่ายเงินไปก่อนแล้วพบว่ามีการกระทำผิดในภายหลังจะเกิดปัญหาตามมา
“ขณะนี้คดีค้างอยู่ระหว่างการพิจารณาของ ป.ป.ช. ยังไม่มีความคืบหน้า แต่ไม่รู้สึกหนักใจอะไร เนื่องจากไม่มีเรื่องทุจริต เป็นการรักษาประโยชน์ให้จังหวัดสงขลา ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทำตามขั้นตอนทุกอย่าง เช่น กรณีการซื้อรถพยาบาลตามมาตรฐานรถพยาบาล บัญชีนวัตกรรมของกรมบัญชีกลาง”
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีกล่าวหาว่าต้องลาออกจากนายกอบจ.สงขลาเพื่อเป็นรัฐมนตรี ทำให้ต้องเสียงบประมาณนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะอยู่ในตำแหน่งเกินวาระแล้ว หากลาออกปลัดจังหวัดจะมารักษาการแทนจนกว่าจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ ดังนั้น จึงมั่นใจว่าทุกกรณีชี้แจงได้ ไม่มีปัญหาขาดคุณสมบัติความเป็นส.ส. เรื่องที่ร้องเรียนตนไม่ได้ปรากฏครั้งแรก แต่ทุกครั้งที่เข้าทำงานการเมืองก็จะมีการโจมตีมาโดยตลอด
“ผมกำลังสืบหาตัวว่าเอกสารที่ออกมามีที่มาที่ไปอย่างไร คนเผยแพร่ขอให้ระมัดระวังถ้าทำให้เสียหายนำข้อมูลเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ จะมอบให้ฝ่ายกฎหมายไปจัดการเพื่อให้เป็นไปตามพรบ.คอมพิวเตอร์ต่อไป
ก่อนหน้านี้ ที่ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มายื่นคำร้องถึงนายกรัฐมนตรี และเปิดเผยว่าตามที่สื่อสารมวลชนได้รายงานโผการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ส่งชื่อนายนิพนธ์ บุญญามณี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา (อบจ.สงขลา) ซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ให้ดำรงตำแหน่ง “รมช.มหาดไทย” นั้น
เมื่อตรวจสอบประวัติการทำหน้าที่นายก อบจ.สงขลาแล้ว แทบตกใจเมื่อพบว่า มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจและการปฏิบัติหน้าที่ที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายเรื่องหลายโครงการมาก ซึ่งหากถูกแต่งตั้งให้เป็น รมช.มหาดไทย อาจมีผลต่อพยานหลักฐานในไต่สวน สอบสวนของ ป.ป.ช. ได้ อาทิ
1)โครงการประมูลซื้อรถซ่อมบำรุงทางเอนกประสงค์ ชนิด 10 ล้อ 2 คันวงเงิน 52 ล้านบาท แต่ไม่ยอมเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ชนะการประมูลตามสัญญา จนเอกชนนำความไปฟ้องคดีต่อศาลปกครองสงขลา และศาลได้พิพากษาให้ อบจ.ต้องจ่ายเงินทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา ซึ่งเป็นเหตุให้ราชการเสียหายเพราะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่ม ซึ่งกรณีดังกล่าวได้มีการร้องเรียนต่อที่ ป.ป.ช.ด้วยแล้ว
2)โครงการเงินอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดสงขลา โดยใช้เงินงบประมาณปี 2558-2559 ซึ่งเป็นการใช้งบประมาณไม่ถูกต้องเกินกว่าอำนาจหน้าที่ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงินการเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 2547 ทำให้รัฐสูญเสียเงินไปกว่า 34 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มีมติให้เรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนทั้งหมด แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้คืนให้ อบจ.แต่อย่างใด ซึ่งเรื่องดังกล่าวก็มีผู้นำไปร้องเรียนเอาผิดต่อ ป.ป.ช.แล้วเช่นกัน
3)โครงการจัดซื้อจัดจ้างรถอุบัติเหตุฉุกเฉิน ในราคาที่แพงเกินเหตุ โดยตั้งราคาไว้ที่ 5.7-6 ล้านบาท/คัน ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีผู้ร้องเรียนเอาผิดแล้วและอยู่ในการสอบสวนของ ป.ป.ช.อยู่
4)โครงการสร้างสวนสาธารณะเมืองสงขลาเพื่อการท่องเที่ยว โดยใช้งบกว่า 375 ล้านบาทโดยอ้างว่าเป็นโครงการที่สร้างเพื่อเฉลิมพระเกียรติในหลวง ร.9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ แต่กลับไม่ได้ขอพระราชทานอนุญาตจากกรมราชเลขานุการในพระองค์ ผ่านสำนักนายกรัฐมนตรีตามกฎหมายเสียก่อนแต่อย่างใด รวมทั้งโครงการก่อสร้างพระบรมราชานุสาวรีย ร.9 และราชินี ซึ่งมิได้ขออนุญาตจากกรมศิลปากรตามกฎหมายแต่อย่างใดด้วย ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการนำไปฟ้องร้องต่อศาลปกครองสงขลาแล้ว และได้มีการร้องเรียนอยู่ที่ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน
5)การอนุมัติงบประมาณโครงการให้ 4 อำเภอในสงขลามากกว่าอำเภออื่นๆ ทำให้ขาดความเสมอภาคและบริษัทที่ได้งานรับเหมาก็เป็นบริษัทเดิมๆที่เคยทำงานให้ อบจ.ยุคที่นายนิพนธ์เป็นนายกฯ จึงเข้าข่ายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กัน ซึ่งเรื่องดังกล่าว ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไว้สอบสวนแล้ว
ดังนั้น การที่มีบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้เป็น ว่าที่ รมช.มหาดไทย มีประวัติที่มีลักษณะเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยของประชาชนเยี่ยงนี้ จึงทำให้คณะรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความสง่างามเลยแต่อย่างใด สมาคมฯจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในขั้นสุดท้ายว่าจะเอารัฐมนตรีที่มีประวัติเยี่ยงนี้มาร่วม ครม.ดีหรือไม่ และจะเป็นการพิสูจน์ว่านายกฯประยุทธ์ ว่าเอาจริงต่อการปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่นหรือไม่ด้วย นายศรีสุวรรณกล่าวในที่สุด