จากข้อมูลในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน 2 ครั้ง ในสมัยรัชกาลที่ 6 พบว่า มุสลิมนิกายสุนหนี่ในประเทศไทยเพิ่งจะหลุดพ้นจากอำนาจของจุฬาราชมนตรี โดยมีพระยากัลยาภักดี เป็นผู้นำของนิกายสุนหนี่แยกจากชีอะห์ในสมัยรัชกาลที่ ๖ นี้เอง
มีบันทึกในจดหมายเหตุพระราชกิจรายวันรัชกาลที่ ๖ อยู่ ๒ ครั้ง คือ ✅ครั้งแรก วันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ เวลาบ่าย ๔ โมง เสด็จลงประทับเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ เสนาบดีกระทรวงต่างประเทศ ทรงนำ โต๊ะอิหม่าม ๗๗ คน ซึ่งเป็นสมภารมัสยิด ในตำบลต่างๆ พร้อมด้วยหัวหน้าอิสลามศาสนิกนิกายสุหนี่ในพระราชอาณาจักร มี นายพันเอก พระยากัลยาภักดี (กูบ กัลยาณสุต) ผู้บังคับการกองดัดสันดาน กองทัพน้อยทหารบกที่ ๑ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นจางวางในกรมท่าขวา เป็นหัวหน้า เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายต้นไม้เงินทอง ๑ คู่ กับกระถางเงินเผาเนือไม้ ๑ คู่ เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทีในการที่ได้ทรงดำรงตำแหน่งเป็นประธานศาสนูปถัมภ์ “มุรออิลดิล” ในศาสนาพระมะหะหมัดแห่งประชาชนชาวอิสลาม ในโอกาสนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเสื้อยศสีต่างๆ มีพระมหามงกุฎกับอักษรพระบรมนามาภิไธยปักด้วยดิ้นทองและไหมติดหน้าอก เป็นที่หมายแก่บรรดาโต๊ะอิหม่ามตามชั้นต่างๆ กันแบ่งเป็น ๓ ชั้น
✅ครั้งที่ ๒ วันอาทิตย์ที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๕๙
ทรงเครื่องเต็มยศ จอมพล ผู้บังคับการพิเศษกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร.
เสด็จออกประทับเกยพระที่นั่งอาภรณ์พิโมกข์ปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายพันเอก พระยากัลยาภักดี (กูบ กัลยาณสุต)
ผู้บังคับการกองดัดสันดานกองทัพน้อยทหารบกที่ ๑ และจาวางในกรมท่าขวา
ในนาม “กอลี” แห่งโต๊ะอิหม่ามหัวหน้าคณะใหญ่ อิหม่ามหัวหน้าคณะแลศิษย์ผู้เป็นอิสลามศาสนิก
เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทกราบบังคมทูลแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ได้พระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์ “มุรออิดดิล” แก่อิสลามศาสนิกนิกายสุนหนี่
และทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้ธูปเทียน คทาอาเด่นอิสลาม ทั้งประวัติคทา รวม ๓ สิ่ง
เมื่อรัชกาลที่ ๖ ทรงเป็นพระบรมราชูปถัมภกนิกายสุนหนี่แล้ว ทำให้อิทธิพลของชีอะห์เริ่มลดลง
จนการสืบทอดตำแหน่งจุฬาราชมนตรีของสกุลอหมัดจุฬาซึ่งสืบทอดกันมาช้านานนั้นสิ้นสุดลง จุฬาราชมนตรีในระยะหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองจึงเปลี่ยนมาเป็นผู้นำมุสลิมนิกายสุนหนี่มาจนถึงปัจจุบัน
……………
📍สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ทรงศึกษาศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ถึงกับทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โต๊ะอิหม่ามมาเฝ้าฯ ถวายวิสัชนาพระราชปุจฉาเกี่ยวกับศาสนาอิสลามเสมอ เพื่อจะได้ทรงกำหนดรัฐประศาสโนบาย ที่สามารถสมานน้ำใจของชนในชาติได้อย่างสุขุมคัมภีรภาพ และทรงยินดีพระราชทานพระบรมราชูปถัมภ์แก่ศาสนาอิสลามอย่างเต็มพระราชหฤทัย ดังความตอนหนึ่งในพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ชาวมุสลิม เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘
.
“น้ำใจไมตรีต่อชนอิสลาม ไม่ได้ผิดกับชนศาสนาอื่น บรรดาที่มาอาศัยอยู่ในแผ่นดินสยาม…เมื่อมาขอให้เราเป็นผู้อุปถัมภ์อิสลามศาสนิก เราก็มีความยินดีเต็มใจรับภารอันนี้ไว้ อิสลามศาสนิกจงเชื่อใจว่าเราตั้งใจกระทำกรณียกิจในหน้าที่อุปถัมภ์เต็มความสามารถของเรา ให้ท่านทั้งหลายได้ร่มเย็นเป็นสุขเช่นที่ท่านเคยได้รับมาแล้ว และเราเชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจำเป็น ชนอิสลามคงจะได้มาเข้าพวกเราช่วยกันปกป้องชาติและพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนาของท่านทั้งหลาย ซึ่งเหมือนกับท่านทั้งหลายช่วยป้องกันศาสนาของท่านเอง นับว่าเป็นบุญกิริยาสมควรจะประพฤติ เพราะตรงกับอนุศาสน์ของพระมะหมัด ว่าผู้ที่สละชีวิตเพื่อป้องกันศาสนาเป็นผู้กอบการกุศล จะได้รับผลอันเป็นสุขในเบื้องหน้า”