2 พรรคใหญ่ ‘เพื่อไทย-พลังประชารัฐ’ประกาศแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาล อ้างเสียงมาก-คนเลือกมาก

เพื่อไทย-พลังประชารัฐ ประกาศเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล สุดารัตน์ อ้างความชอบธรรม เป็นพรรคได้ ส.ส.อันดับ 1 ขณะ“อุตตม-สนธิรัตน์” อ้างได้คะแนนเสียงประชาชนมากที่สุด ระบุรธน. ทุกคะแนนไม่ถูกทิ้ง ลั่นพปชร.ได้รับความไว้วางใจสูงสุด

วันที่ 25 มีนาคม หลังคณะกรรมการการเลือกตังประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส.ที่ได้รับคะแนนสูงสุดอย่างไม่เป็นทางการ ทำให้พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ ประกาศจัดตั้งรัฐบาล โดยเมื่อเวลา 17.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค แถลงภายหลังประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือเรื่องใหญ่ 2 เรื่องคือ รับทราบผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการของ กกต. ซึ่ง พปชร ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยให้มีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของทุกพรรคที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง โดยได้รับคะแนนกว่า 7.9 ล้านเสียง สูงที่สุดในพรรคการเมืองที่ลงแข่งขัน พรรค พปชร.ได้รับการสนับสนุนในการเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตทั่วทุกภาค ขอให้มั่นใจว่า พรรค พปชร.จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ให้ประเทศเดินหน้าและสงบสุข

นายอุตตม กล่าวว่า ส่วนเรื่องแนวทางการดำเนินการต่อจากนี้ของ พปชร. โดยเฉพาะเรื่องงการจัดตั้งรัฐบาล ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติยืนยันแนวทางที่เราตั้งไว้แต่ต้นว่าพรรคใดรวบรวมเสียงข้างมากได้ก็สามารถดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่ง พปชร.ได้เสียงมากสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากนี้ไปเราจะดำเนิน หารือ พูดคุยกับพรรคการเมืองที่ผู้สมัครได้รับเลือกตั้ง ส.ส. ที่มีระบบและแนวทางสอดรับกับแนวทางของเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบาย การบริหารประเทศ เพื่อดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เพราะเป็นสิ่งที่ประชาชนอยากเห็น และเป็นไปตามกฎกติกาของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่

“เราจะเริ่มดำเนินการให้เร็วที่สุด ยังบอกไม่ได้ว่าจะร่วมกับกี่พรรค คิดว่าการหารือจะดำเนินการไปตอนนี้เลย เรามีความมั่นใจว่าเราทำได้ ไม่คิดว่ายากลำบาก เรายึดมั่นในหลักการ ที่พูดไว้แล้ว และสอดรับกับเจตนารมย์รัฐธรรมนูญ เสียงประชาชนทุกเสียงมีความหมาย”นายอุตตม กล่าว

เมื่อถามว่า เงื่อนไขการพูดคุย จะต้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯเท่านั้นใช่หรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า  พปชร.เสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และฉันทามติของประชาชนกว่า 7.9 ล้านคน ให้ความไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น ไม่มีอะไรที่พรรค พปชร.จะไม่เคารพเสียงของประชาชน พรรคจะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีภายใต้การจัดตั้งรัฐบาล

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ พปชร. กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้แตกต่างจากในอดีต เพราะมีคะแนนนิยมคนไทยทั้งประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับนี้คะแนนไม่ถูกทิ้งไป จำนวน ส.ส.ที่พึงมีจะต้องอยู่บนเสียงไว้วางใจจากประชาชนทั้งประเทศ เสียงประชาชนไว้วางใจเป็นเสียงที่ถูกนับ ดังนั้นถือว่า พปชร.ได้รับความไว้วางใจสุงสุด ดังนั้นถือว่าชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ในบางเขตเลือกตั้งเราแพ้แค่หลักพัน หรือ หลักร้อย ดังนั้น พปชร.ยึดหลักการรัฐธรรมนูญเป็นตัวตั้ง ดังนั้นถือว่าเราได้รับความไว้วางใจสุงสุด แต่ท้ายสุดการจัดตั้งรัฐบาลขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯนั่นคือหลักประชาธิปไตย

ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 14.40 น. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย (พท.) และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย แถลงว่า กราบขอบคุณประชาชนที่ให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยเป็นลำดับที่ 1 ได้ ส.ส.พื้นที่มากที่สุด แม้จะส่งเพียง 250 เขต แต่ก็ได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชนชน และให้ความไว้วางใจ ให้เป็นผู้แทนลำดับที่ 1 เราจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาความทุกข์ ความยากจนหมดไป อย่างที่ให้คำมั่น พูดมาตลอดการหาเสียง

คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวต่อว่า การเดินหน้าจากนี้ไปในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจ เราจะเดินหน้ารวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาล อย่างที่พูดไว้แล้วว่า พรรคที่ได้ลำดับ 1 ได้ ส.ส.มากที่สุดถือว่าได้รับฉันทานุมัติจัดตั้งรัฐบาล เราก็จะเดินหน้าประสานรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล คนที่เราจะร่วมด้วยหลักการไม่เปลี่ยน คือ เราจะร่วมกับพรรคไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมีพรรคที่ประกาศตัวชัดเจน ส่วนเรื่องของ 250 ส.ว.เรามีความเห็นว่า ส.ว.สมควรทำตามเสียงของประชาชนเช่นเดียวกัน วันนี้เมื่อผลการเลือกตั้งออกมาแม้ไม่เป็นทางการ เราได้เสียง ส.ส.มากที่สุดก็คงต้องเดินหน้าจากนี้รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล