พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดปราศรัยใหญ่ในพื้นที่ 3 ตังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ สนามกีฬา อบจ.นราธิวาส จ.นราธิวาส โดย นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายอนุมัติ อาหมัด ประธานยุทธศาสตร์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปราศรัยหาเสียงช่วย ผู้สมัคร 11 เขต จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีประชาชนเข้าร่วมฟังมากกว่า 30,000 คน
นายอนุมัติ อาหมัด ประธานยุทธศาสตร์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้ทำงานร่วมกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เห็นว่า ท่านเป็นคนใจดี ที่เห็นว่าดุ มีแต่ดุนักข่าว ไม่เคยดุประชาชน ซึ่งได้มีการผลักดันกฎหมายเพื่อพี่น้อง 3 จังหวัด เพื่อน้องมุสลิมหลายฉบับ
‘โดยเฉพาะเรื่องฮัจย์ ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับพี่น้องมุสลิมมาก ซึ่งสามารถเข้าไปผลักดันจนสำเร็จ และทีได้ลาออกจากสนช.ก็เพื่อมาช่วยพรรคพลังประชารัฐให้ลุงตู่ เป็นนายกฯต่อไป คุณที่เราคิดว่า พูดไม่เพราะแต่ทุกสัญญาที่สัญญาไว้ท่านให้ ซึ่งมีสิ่งที่เป็นประโยชขน์กับพี่น้องมุสลิม พี่น้อง 3 จังหวัด จึงลาออกมาบอกกล่าวกับพี่น้อง ผมไม่ออกมาก็ไม่มีใคมาบอก’ นายอนุมัติ กล่าวและว่า การที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายอุตตม สาวนายน เดินทางมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แสดงให้เห็นถึงความจริงใจในการทำงานเพื่อพี่น้อง
ด้านนายอุตตม กล่าวว่า ตั้งแต่เดินสายปราศรัยไปทั่วประเทศ ยังไม่เห็นพี่น้องมาร่วมรับฟังมากเท่าที่จังหวัดนราธิวาส พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคน้องใหม่ประมาณ5 เดือน มีคนพูดว่า ไม่จะไม่ได้รับการเลือกจากพี่น้องทางใต้ เพราะคนไม่รู้จัก แต่วันนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าพี่น้องได้มอบใจให้กับเรา
‘การเลือกตั้งครั้งนี้ มีความสำคัญมาก เป็นการกำหนดชะตาชีวิตประเทศไทย กำหนดชีวิตของพวกเราพรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจว่าพี่น้องจะเข้าสู่การเลือกตั้งตามปกติ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประเทศเกิดการชะงักงัน เพราะมีการขัดแย้งแย่งชิงอำนาจกันเอาประชาชนเป็นตัวประกัน วันนี้เราต้องสินใจว่าจะเดินไปทางเดิมใช่หรือไม่ พรรคพลังประชารัฐเป็นทางเลือกที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง
ไม่กลับไปวังวนเก่าๆ ต้องเป็นประชาธิปไตยของคนไทยเท่านั้น ประเทศไทยถึงเวลาเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่’ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าว
จากนั้น ได้มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิแดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคพลังประชารัฐ ผ่านจอขนาดใหญ่บนเวที ที่ฝากมาถึงพี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีเนื้อหาว่า “ดีใจที่ได้มีโอกาสมาพูดคุยกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ ก่อนอื่นอยากจะบอกว่า คิดถึง คิดถึงมากด้วยทุกคน อยากจะมาพบปะพูดคุยด้วยตัวเอง ถึงแม้จะมาไม่ได้แต่เราก็ยังสามารถสื่อสารกันได้ ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะหากสื่อสารเข้าใจกันแล้วเราก็จะเดินหน้ากันไปด้วยความความเข้าใจ ผมขอขอบคุณ พรรคพลังประชารัฐที่ให้เกียรติ ให้ความไว้วางใจ เสนอชื่อผมเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มีนาคมนี้
ขอให้คำมั่น และขอให้เชื่อมั่นในตัวผม ว่าจะไม่ทำให้พี่น้องประชาชนผิดหวัง ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด ในการสานต่อนโยบายดีๆและแผนการปฏิรูปที่เริ่มทำไปแล้วทั้ง 11 ด้านตลอดเวลา 5 ปีที่ผ่านมา และจะจัดทำนโยบายใหม่ๆ เพื่อนำพาประเทศชาติไปสู่ความสงบสุข ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นยิ่งๆขึ้นไปทุกภาคส่วน สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่ผมต้องทำให้เสร็จจากที่ได้เริ่มไว้แล้ว และทำต่อไปอีก ก็คือการแก้ไขปัญหาที่หลงเหลืออยู่ ตลอดจนวางอนาคตให้มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป เช่น สิ่งแรกที่เราจะนำกลับคืนมาคือความรักความสามัคคี ความปรองดอง กลับคืนสู่สังคมไทยประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อจะนำพาบ้านเมืองของเราเดินไปข้างหน้า อย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะรองรับกับภัยคุกคามทั้งรูปแบบเก่าและรูปแบบใหม่ ความทุกข์ของพี่น้อง ที่เป็นฐานรากของประเทศ ก็เป็นความทุกข์ใจของผมเช่นเดียวกัน ผมจึงมายืนอยู่ที่นี้ เราต้องมีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ทั้งท่องเที่ยวเมืองหลัก เมืองรองและท่องเที่ยวชุมชน โฮมสเตย์ ท่องเที่ยวทางน้ำ ทางบกและจะต้องมีการเชื่อมโยงให้เป็น Package ไปด้วยกัน ให้คนได้มีโอกาสท่องเที่ยวหลายๆอย่างหลายๆพื้นที่ ในทริปเดียวกัน ซึ่งเราต้องช่วยกันทั้งผู้ประกอบการ รัฐบาล ข้าราชการ ทั้งส่วนกลาง ส่วนท้องถิ่น และส่วนภูมิภาค นอกจากนี้เรามี 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษอยู่แล้วตามชายแดนหลายจังหวัด เราจะได้เชื่อมโยงสิ่งเหล่านี้เข้ากับ eec วันนี้ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีแล้วสำหรับ eec เชื่อมโยงจากสงขลาไป ที่เรียกว่า eec สามเหลี่ยม มั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน วันข้างหน้า ก็ต้องมี wec ,nec, มีทุกภาค เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางอาเซียน
ต้องลดความรุนแรงในสังคมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้สงบสุข สันติสุข ให้ได้โดยใช้มาตรการทุกมาตรการ โดยไม่ได้มุ่งเน้นการใช้อำนาจทางการทหารอย่างเดียว เพราะถ้าเราใช้มาตรการทางทหารเหตุการณ์จะลุกลามบานปลาย จึงต้องมีทั้งในเรื่องของการพูดคุย เรื่องการพัฒนา ซึ่งเราเน้นการเรื่องการพัฒนามากที่สุด ดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เกิดการพัฒนามากที่สุด คือการสร้างความปลอดภัยให้ได้ คนในพื้นที่ต้องดูแล ไม่งั้นนักลงทุนจะไม่กล้าไป วันนี้ผมเห็นมีนักลุงทุนมากมายลงมาในพื้นที่ขณะนี้
ส่วนปัญหายาเสพติดที่กำลังแพร่หลาย ผมก็พยายามทำอย่างเต็มที่ สถิติการจับกุมในคดีมากมาย มากกว่าที่ผ่านมาเยอะ แต่ยังไงก็ยังไม่หมด ตราบใดที่ยังมีผู้เสพอยู่ และเราต้องลดปริมาณให้ได้ ในเรื่องของการจับกุมดำเนินคดีถือเป็นขั้นตอนที่สอง สิ่งแรกคือการป้องกันและป้องปราม อันที่สองคือปราบปราม และอันที่สามคือฟื้นฟู ผู้เสพคือผู้ป่วยต้องได้รับโอกาส ผ่านการฝึกอาชีพ เพื่อจะคืนสู่สังคมประกอบสัมมาอาชีพ หันหลังให้กับยาบ้า ยานรก ชุมชนต้องเข้มแข็ง ร่วมกันต่อต่านยาเสพติด สังคมต้องช่วยกันสอดส่อง วันนี้เรามีความร่วมมือจากเพื่อนบ้านมากมาย ป้องกันการลักลอบนำเข้ายาเสพติด สารตั้งต้น ตามแนวชายแดน คนไทยจะต้องปลอดภัย คนใกล้ชิดในบ้านจะต้องห่างไกลยาเสพติด ทุกๆเรื่องทุกมาตรการ เราจำเป็นต้องดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอน ต่อเนื่องมีนโยบาย มียุทธศาสตร์ มีแผนงาน มีงบประมาณ รองรับ ถ้าเราได้ทำต่อร่วมกัน ทุกอย่างก็จะสมบูรณ์ใช่ไหมครับ
วันนี้ทุกอย่างกำลังผลิดอกออกผล เหมือนเราปลูกต้นไม้มาแล้ว ปลูกไม้ผลมาแล้ว หลังเจริญเติบโตมา 5 ปี ผมมั่นใจนะครับ หากทุกท่านให้โอกาสผม มอบความไว้วางใจให้กับผมเหมือนที่ผ่านมา หรืออาจจะมากกว่านั้น ร่วมกันปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติ รักประชาชน ยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศ จะส่งเสริมผลักดัน สร้างพลังแรงศรัทธา ให้ผมและพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนพี่น้องประชาชนทุกคน ได้ร่วมมือร่วมแรงเป็นกำลังใจให้กัน สร้างสรรค์สิ่งที่ถูก กำจัดสิ่งที่ผิด ด้วยความเข้าใจและร่วมกันนำพาชาติบ้านเมือง ไปสู่ความเจริญ ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มีความรักใคร่ มีความสามัคคีปรองดอง มีความสุขทุกคนถ้วนหน้า อย่างมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืน ตือรีมอกาเสะ ยาแงลูปอ ปีเละกีตอ (ขอบคุณ อย่าลืมเรา)” พลเอกประยุทธ์ กล่าว
ด้านนายอนุชา กล่าวว่า ตนเองได้เคยถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี จนวันนี้เพิ่งได้ลงเลือกตั้งใหม่ ตนเองจึงไม่อยากเห็นคนไทยสู้รบกัน จึงได้เข้าร่วมอุดมการณ์ด้วยกันในนามพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคได้มีปณิธานแน่วแน่ว่าประเทศไทยต้องรวยด้วยพลังประชารัฐมีเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ดีขึ้น และพร้อมที่จะดูแลเกษตรกร ชาวประมง ดูแลพี่น้องที่ทำธุรกิจพื้นบ้าน ดังนั้น คนไทย ทุกคนต้องร่วมอุดมการร่วมกันเพื่อให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมย้ำว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นแกนนำรัฐบาลแล้วไม่สามารถทำให้พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้ตนเองจะเลิกเล่นการเมืองและขอสัญญากับพี่น้อง 3 จังหวัดใช้แดนใต้และคนไทยทั้งประเทศ จะร่วม อุดมการสร้างความเจริญให้ประเทศ
หลังปราศรัยที่ จ.นราธิวาสเสร็จสิ้น นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง และนายณพพงศ์ ธีระ วร กรรมการบริหารพรรค ลงพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อช่วยนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 หมายเลข 4 เดินหาเสียงภายในตัวเมืองยะลา พร้อมชิมขนม ซำปูซ๊ะ ขนมท้องถิ่นของ จ.ยะลา
นายอุตตม กล่าวว่า กระแสของพรรคพลังประชารัฐในพื้นที่ 3 จ.ชายแดนใต้ ดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้าย ซึ่งเราทำเต็มที่ เราส่งผู้สมัครทั้งหมด 11 เขต ถ้าพูดแบบถ่อมตัวคาดว่าจะได้ที่นั่ง ส.ส.6 เขต พร้อมยืนยันนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท ทำได้จริง เพราะมีการศึกษามาอย่างละเอียดและรอบคอบแล้ว ที่สำคัญเราทำเป็นขั้นตอน ไม่ใช่ทำทุกอย่างทันที และยังคำนึงถึงความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ว่าความพร้อมของเศรษฐกิจ แรงงานไม่เท่ากัน วันนี้เศรษฐกิจไทยต้องปฏิรูปไปสู่เศรษญกิจที่มีขีดความสามารถในการแข่งขัน ในระดับโลกได้ บุคลากรทุกระดับต้องได้รับการพัฒนา ดังนั้นถ้าเราเห็นพ้องต้องกันว่าวันนี้ประเทศไทยเสียเวลาไม่ได้อีกแล้ว ก็ต้องมีการตั้งเป้าพัฒนาคน และเทคโนโลยี โดยมีค่่าตอบแทนเป็นแรงจูงใจและดูแลปากท้องของพวกเขาด้วย ส่วนในทางปฏิบัติต้องมีการหารือเป็นขั้นตอน
นายอุตตม ยังฝากถึงประชาชนว่า เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน พี่น้องประชาชนชาวไทยก็จะได้ตัดสินใจอนาคตของประเทศครั้งสำคัญ เราผ่านเรื่องราวต่างๆมาเยอะมากตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หลายอย่างทำให้ประเทศชะงักงัน เข้าสู่ทางตัน วันนี้จึงเป็นโอกาสที่เราจะเลือกทางเดินไปสู่อนาคตที่มีความหวัง ไม่พบทางตัน ซึ่งส่วนตัวคิดว่าประชาชนแยกแยะได้ว่าพรรคไหนสามารถนำพาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้ การเลือกตั้ง ก็เหมือนแต่งงาน ถ้าเลือกผิดก็เศร้าไปนาน จึงอยากฝากไว้