ในอเมริกา’ปลดอย่างเดียว’นายทหารวิจารณ์การเมือง

‘ที่น่าอายที่สุดขณะนี้มีประเทศต่างๆเกือบ 200 ประเทศในโลกมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ปกครองโดยทหาร’

การเมืองในอเมริกาเค้าถือมากที่ นายทหารคนใดที่ออกมาวิจารณ์การเมืองในที่สาธารณะ ไม่ได้เด็ดขาดหรือมาก้าวก่ายการเมืองของพลเรือน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมมีตัวอย่างมาให้เห็นในทุกรัฐบาล ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีลินคอล์นซึ่งสั่งปลดทหารที่ขัดคำสั่งในสงคราม กลางเมืองระหว่างฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ตั้งแต่พลตรีพลโทและพลเอกรวมทั้งหมด 36 คน

ประธานาธิบดี George H. W. Bush สั่งปลดทหารที่มียศนายพลถึง 18 คนในฐานะที่วิจารณ์การเมืองในที่สาธารณะ

ประธานาธิบดีบารัคโอบาม่าสั่งปลดนายพล ทหารด้วยกันทั้งหมด 196 คน ใน8ปีที่เป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ยศ พันเอกถึงพลเอก ในสามเหล่าทัพ – บก/เรือ/อากาศ ข้อหาขัดคำสั่งหรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของตนเองและ วิจารณ์การเมืองในที่สาธารณะ

ประธานาธิบดีบิล คลินตันปลดนายพลทหารทั้งหมด 25 คนในฐานะที่ขัดคำสั่งและวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล

การเมืองในอเมริกาผู้นำและ/หรือเจ้าหน้าที่ที่ปรึกษาในทำเนียบขาวจะไม่ยอมให้ทหารมาก้าวก่ายการเมืองแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้นถือเป็นวัฒนธรรมที่เคร่งครัดของเมกาเลยว่าพลเรือนต้องเป็นใหญ่กว่าทหาร

การปลดนายพลที่เลื่องชื่อที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกาก็คือการปลดพลเอก ดักกลาส แมคอาเธอร์ (Gen. Douglas MacArthur) วีรบุรุษแห่งสงครามโลกครั้งที่สองในสมรภูมิสู้รบแถบมหาสมุทรพาซิฟิกและสงครามเกาหลีที่ไปวิจารณ์ในที่สาธารณะไม่เห็นด้วยกับนโยบายของประธานาธิบดีแฮร์รี่ ทรูแมน (Harry Truman)

ดังนั้นทหารของอเมริกาไม่กล้าที่จะแสดงความเห็นเกี่ยวกับการเมืองในที่สาธารณะแม้แต่คนเดียวถ้าใครฝืนคำสั่งจะโดนประธานาธิบดีเรียกมารายงานตัวที่ทำเนียบขาวและจะถูกปลดออกทันทีเพื่อให้เป็นตัวอย่างทุกครั้งไป และบำเหน็จบำนาญต่างๆที่ได้สร้างสมมาจะถูกยกเลิกจากกองทัพ

ไม่เหมือนประเทศไทยนายกรัฐมนตรีต่างเกรงอกเกรงใจพวกนายพลทหารที่มาเพ่นพ่านแทรกแซงการเมือง

นายทหารไทยก็มักจะพูดว่า

“ฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่งมีสิทธิ์ที่จะวิจารณ์การเมือได้”

ไม่ได้ค่ะตราบใดที่คุณยังใส่เครื่องแบบทหารกินเงินเดือนประชาชนพวกคุณต้องปฏิบัติตัวอย่างเคร่งครัด รับใช้ประชาชนอย่างเดียวนั่นคือการปกป้องประเทศไม่ใช่มาเพ่นพ่านการเมืองซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของทหาร

ที่เห็นได้ชัดคือนายกฯทักษิณและนายกฯยิ่งลักษณ์ที่ไม่กล้าสั่งปลดนายพลแม้แต่ ครั้งเดียวจึงทำให้นายพลทหารได้ใจ ปล่อยประละเลยจนทำให้ตัวเอง ถูกรังแกเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆอย่างน่าเสียดาย

ดิฉันจึงสนับสนุนคุณเสรีพิศุทธ์เตมีเวชผู้ซึ่งสมัครจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทยได้กล่าวนโยบายว่าจะจัดการกับพวกนายทหารนอกรีตและกองทัพบกให้เป็นระเบียบเสียที

ประเทศไม่มีศึกสงครามกับใครแต่ดันมีทหารในกองทัพเกือบ 400,000 คนดังนั้นเวลาจึงมีมาก มักจะมาก้าวก่ายการเมืองของพลเรือน

การแก้ไขคือลดกองทัพให้เหลือแค่ 100,000 คนเป็นอย่างมาก และต้องยกเลิกการเกณฑ์ทหาร_ เปลี่ยนเป็นทหารอาสาสมัครและเชื่อเถิดว่าจะมีคนสมัครเป็นทหารเกินความต้องการของกองทัพ.. การเกณฑ์ทหารคือบ่อเกิดของการคอรัปชั่น สำหรับลูกชายของครอบครัว ที่ไม่ต้องการลูกตัวเองไปเสียเวลาสองปีส่วนใหญ่ก็ เป็นทหารรับใช้ตัดหญ้าเลี้ยงไก่สำหรับเจ้านายซึ่งก็ไม่ใช่เป็นงานทหารแต่อย่างไรเลย

ถ้านายทหารคนใดออกมาวิจารณ์การเมืองนายกรัฐมนตรีต้องสั่งให้มารายงานตัวและ สั่งปลดออกทันทีเพื่อเป็นเยี่ยงอย่าง

และถ้าจะให้มั่นคงกว่านี้จะต้องเสริมสร้างกำลังพลอย่างน้อย 50,000 คนปกป้องนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในรัฐบาล

สุดท้ายอย่าเลือกนายประยุทธ์จันทร์โอชาอย่างเด็ดขาดเพราะมีความคิดติดค่านิยมเลื่อมใสความเป็นทหารที่มากเกินไปตั้งแต่สมัยจอมพลสฤษดิ์ จนถูกนิตยสาร Time ตั้งชื่อว่าเป็น “สลิดน้อย” ไม่มีความคิดก้าวหน้า ไม่มีความรู้เรื่องไฮเท็คส์แม้แต่น้อย พูดจาใช้อารมณ์ต่อผู้สื่อข่าวไทยดูถูกคนไทยและนึกว่าตัวเองเก่งคนเดียวแบบนี้หรือจะเป็นนายกฯ

และที่น่าอายที่สุดขณะนี้มีประเทศต่างๆเกือบ 200 ประเทศในโลกมีประเทศไทยประเทศเดียวที่ปกครองโดยทหารซึ่งนายประยุทธ์เมื่อสี่ปีที่แล้วดิฉันจำได้ว่าตำแหน่งสำคัญต่างๆ แบ่งปันให้กับทหารบก/ทหารเรือ/ทหารอากาศซึ่งไม่มีความชำนาญในกระทรวงต่างๆเลย

ประเทศเล็กๆอีกประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกาที่ปกครองโดยทหาร นั่นคือประเทศซูดาน (Sudan)

Cr.Narisara Viwatchara