กลายเป็นประเด็นเผ็ดร้อนในสังคมโซเชียล หลัง’วาสนา นาน่วม’ โพสต์เด็กเขมรร่วมก่อเหตุรุนแรงในภาคใต้ ถูกโต้กลับเป็นข้อมูลมั่ว จับแพะชนแกะ ทำสถานการณ์บานปลาย เป็นข้อมูล’ตามก้นทหาร’ ไม่เคยสัมผัสชาวบ้านจริง
วาสนา นาน่วม ผู้สื่ออาวุโสหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์บทวิเคราะห์ บนเฟสบุ๊ก Wassana Nanuam กรณีทหารเข้าปิดล้อม จับกุมเด้กปอเนาะที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี มีรายละเอียด
แกะรอย เขมร ที่ปลายด้ามขวาน ไทย…
เขมรมุสลิม ที่เข้ามาใน 3 จ.ชายแดนใต้ของไทย ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ในปี2548-2549 หน่วยข่าวทหารในพื้นที่ ได้แจ้งเตือน มาแล้วว่า มีลักลอบเข้ามา และไปอยู่ตาม รร.ปอเนาะ ….
ในปี 2548 เกิดเหตุ ที่รร.ปอเนาะดาลอ ต.มะนังยง อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พบมี มุสลิมจากกัมพูชาส่วนหนึ่ง เป็นแนวร่วม กลุ่มก่อความไม่สงบ โดยเจ้าของปอเนาะ อ้างว่า มี มุสลิมเขมร มาศึกษาด้านศาสนาอิสลาม ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กว่า 50 ปีแล้วโดยจะกระจายอยู่ตามปอเนาะต่างๆ ราวๆแห่งละ10 คน
แต่ฝ่ายทหาร มองว่า ไม่ใช่ เขมรธรรมดา เพราะในเวลานั้น มีรายงาน ระบุว่า มาร่วมขบวนการ และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับ ขบวนการ เจมาห์อิสลามมิย่าห์ หรือJ.I. ก็กำลังขยายเครือข่าย ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้…ในเวลานั้น
เพราะสำหรับพี่น้องมุสลิม ไม่ว่าชาติใด หากเชื่อว่า พี่น้องมุสลิมที่ชายแดนภาคใต้ของไทย กำลังเดือดร้อน กำลังต่อสู้ กับผู้ปกครอง พวกเขาก็จะมาช่วย
ในเวลานั้น ก็มีข้อมูลว่า มี กลุ่ม ในอาเจะห์ เข้ามาด้วย
และก่อนหน้านั้น ยังมีการพบ Cell ของ J.I.ในชายแดนใต้ มาตั้งแต่ “นายฮัมบาลี” ถูกหน่วยความมั่นคงของไทย ร่วมมือกับ สหรัฐอเมริกา จับกุม ที่อยุธยา เมื่อปี2546 และย้อนรอยพบว่า เคยมาพำนัก ที่ชายแดนใต้.
แต่ทางรัฐบาล และกองทัพ ในเวลานั้น ไม่ต้องการให้ เรื่องบานปลาย โยงขบวนการก่อการร้ายในภูมิภาค อย่างJI จึงพยายามปิดข่าว และ ใช้คำว่า อย่าชักศึกเข้าบ้าน เมื่อนักข่าวถามถึง เครือข่าย JI ในภาคใต้….. ที่ทำให้การแก้ปัญหาภาคใต้ เป็นการ ปืดตาเสียข้างหนึ่ง….
แต่ ทหาร และหน่วยข่าว ในพื้นที่รู้ดีว่า มันมีความเคลื่อนไหว ประกอบกับ สายข่าว ที่เป็นเยาวชนในปอเนาะ กระซิบมาว่า มี มุสลิมต่างชาติ แอบเข้ามาอยู่ หลายคน และไม่ใช่แค่ ปอเนาะเดียว และมี มุสลิม จากเขมร เข้ามาด้วย โดยในเวลานั้น มีข่าวสาร เชื่อมโยงว่า เครือข่าย JI อยู่ในหลายประเทศ…. หน่วยข่าว จึงเกาะติด มาตลอด แต่ก็พบว่า มีความเคลื่อนไหว เป็นระยะๆ
จนที่สุด เรื่องขบวนการJI เงียบหายไป จาก ข่าวสารในแวดวงสื่อไทย กลายเป็นแค่ ขบวนการBRN ที่มีRKK เป็นกองกำลัง
โดยที่ชื่อ RKK- Ruanda Kumpulan Kecil ก็มาจาก ชื่อหลักสูตรรบพิเศษ ของ ทบ.อินโดนีเซีย ที่ในเวลานั้น พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.มุสลิม ส่งลูกน้อง ไปคุยกับรบพิเศษอืนโดฯ เลยทีเดียว เพื่อให้ช่วยหาเบาะแส ว่า ใครทหารนอกแถว ไปฝึกให้ หรือไม่
ตอนนี้ ทั้งรัฐบาล และกองทัพ มุ่งไปแต่ที่ BRN เท่านั้น โดยไม่มอง ว่ามีความเชื่อมโยงของBRN กับกลุ่มอื่นๆ ด้วยหรือไม่
จนที่สุด ….20มค.2562 มาเกิดเหตุการณ์ ที่ เยาวชนมุสลิมกัมพูชา ที่มาเรียน ที่ ปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ อ.มายอ จ.ปัตตานี ฝึกร่างกายในปอเนาะ ยามค่ำคืน จนทหารต้องไปแอบส่อง ด้วยกล้องอินฟาเรด เก็บข้อมูลมาระยะหนึ่ง
โดยฝ่ายทหาร มองว่า การฝึกมือเปล่า คล้ายการฝึกเยาวชนของ BRN เตรียมความพร้อมก่อน ที่จะฝึกการใช้อาวุธ
แม้เจ้าของปอเนาะ จะอ้างว่า เป็นการละเล่นของเด็กกัมพูชา ก็ตาม แต่การเล่น ในช่วงยามวิกาล 4ทุ่ม ถึงเที่ยงคืน เช่นนี้ ย่อมเรื่องผิดปกติ
ฉก.ทพ.42 จึงเข้าปิดล้อมตรวจค้น และพบว่า มี นักเรียนปอเนาะที่เป็นชาวกัมพูชา ล้วนเป็นวัยฉกรรจ์ และ ไม่มีหนังสือเดินทาง และหนังสือเดินทางหมดอายุ ถูกนำไปควบคุมตัว ที่ค่าย อิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อซักถาม
แต่ชาวบ้านในพื้นที่ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ การเข้าปิดล้อม ตรวจค้น จับกุม ของ ฝ่ายทหาร……
อีกไม่นาน เครือข่าย ต่างๆ คงจะมีข้อมูลและหลักฐาน ยืนยันที่ชัดเจนขี้น
ทั้งนี้ ปอเนาะ ส่วนใหญ่ อาจไม่มีปัญหา แต่อาจเป็นแค่ ปอเนาะ ส่วนน้อย ที่อาจควบคุมดูแล ไม่ทั่วถึง
จนทำให้ ย้อนนึกถึง สิ่งที่ น้องๆในรร.ปอเนาะ แห่งหนึ่ง ในปัตตานี เล่าให้ฟัง เมื่อปี2547 ว่า พวกผมจะฝึกความแข็งแรงของร่างกาย เหมือนฝึกทหาร กันตอนกลางคืน ในป่า หลังรร. โดยมีครูฝึกปิดหน้า มาฝึกให้….. แม้จะไม่รู้ว่า ครูฝึก เป็นใครมาจากไหน แต่ จากสำเนียงภาษา น้อง คาดว่า เป็น คนอืนโดนีเซีย
แล้ว ใน รร.ปอเนาะ พวกผมอยู่กัน หลังละ 2-3 คน เอาเข้าจริง บาบอ อุสตาส ก็ไม่ได้มาตรวจหรอกว่า กลางคืน พวกผมจะออกไปไหน หรือว่า เอาใคร มาอยู่ใน กระท่อมหลังเล็กๆที่เปรียบเป็นบ้านของพวกผม หรือไม่ บาบอ หรือ อุสตาส อาจจะรู้เห็น หรือไม่ ก็ได้ ..นั่นเป็นช่องโหว่ ที่เกืดจาก ธรรมชาติของ รร.ปอเนาะ
แต่ที่ผ่านมา ฝ่ายความมั่นคง และจนท.ไม่ค่อย อยากเข้าไปยุ่ง เพราะจะมีการสร้างเงื่อนไข ต่อต้าน จนท.ขึ้นทุกครั้ง จนทำให้ ปอเนาะ กลายเป็น ช่องโหว่ ด้านความมั่นคง
ตามดูกันต่อไป ปัญหาความไม่สงบในชายแดนใต้ ซับซ้อน ยิ่งนัก และ อาจไม่ใช่ แค่เรื่องภายในประเทศ แต่มีความเชื่อมโยง กับกลุ่มนอกประเทศ ด้วยหรือไม่
สุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮูแมนไรท์วอชท์ประเทศไทย ระบุว่า บทวิเคราะห์ของวาสนา นาน่วม เป็นข่าวชุ่ยๆ จับแพะชนแกะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบร้ายแรงต่อโรงเรียนปอเนาะ โดยเฉพาะที่มีนักเรียนต่างชาติ
Ghazali Benmad ระบุว่า ปอเนาะคือประตูสู่อาเซียน สถาบันปอเนาะภาคใต้ได้รับการยอมรับ มีนักศึกษาต่างชาติมากมายมาร่ำเรียน ทั้งจาก เขมร เมียนมาร์ มาเลเซีย ฯ
จะพลิกโอกาสเป็นวิกฤติ
หรือพลิกวิกฤติเป็นโอกาส
ก็ขึ้นอยู่ถึงกับวิสัยทัศน์
ณรรธราวุธ เมืองสุข ได้โพสต์ข้อความกรณีที่มีการบุกจับเด็กปอเนาะ ที่มายอว่า การใส่ไคล้เรื่องเอาคนเขมรมาฝึกในปอเนาะเพื่อเป็น RKK ไม่ใช่มีครั้งแรก แต่เริ่มเป็นข่าวลือมาตั้งแต่สมัยกรือเซะแล้ว(ตอนนั้นว่าพม่ารับจ๊อบจากงานประมงมาก่อเหตุหาเงินด้วย อย่าว่าตลกนะครับ เคยลือจริงๆ) ตอนยิงถล่มป้อมที่ยะหริ่งปีไหนจำไม่ได้(ขี้เกียจค้นข้อมูล)ก็ว่าเป็นเขมร แต่พอนักข่าวหูผึ่ง รุกเชิงข้อมูลหลักฐานมากๆ เข้า เรื่องนี้ก็เงียบหายไปจากฝ่ายความมั่นคง
ประเด็นคืออะไรรู้ไหมครับ เพราะฝ่ายทหารรู้ดีว่า การเดินทางไปร่ำเรียนศาสนาต่างบ้านต่างเมือง เป็นเรื่องปกติของชาวมุสลิม คนไทย คนมลายูไปเรียนที่อินโด มาเลย์ ไปปากีสถาน อินเดีย อาหรับ ก็เยอะแยะ การที่คนกัมพูชามาเรียนบ้านเราจึงเป็นเรื่องปกติ และมีมาตั้งแต่โบราณแล้ว เพราะการศึกษาศาสนาที่ปัตตานีรุ่งเรืองและแพร่หลายกว่า คุณลักษณะสำคัญของปอเนาะคือความเชื่อมั่นจากชื่อเสียงของบาบอ โต๊ะครู จากศิษย์รุ่นก่อนๆ คนพวกนี้ก็กลับไปบอกเล่าคนรุ่นหลัง หรือมีนักการศาสนาจากปัตตานีไปดะวะห์เผยแพร่ก็เป็นเรื่องปกติ
ผมเคยคุยกับนายทหารคนหนึ่งใน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า หลายปีแล้ว ถามแกจริงๆ จังๆว่าตกลงมีกลุ่มผู้ก่อเหตุชาวต่างชาติไหม แกบอกเป็นข้อมูลเก่าแล้ว ไม่มี ไม่ปรากฏหลักฐานว่ามีนักรบ RKK เป็นชาวต่างชาติ อย่าว่าแต่เขมรเลย มาเลย์ อินโด บ้านใกล้เรือนเคียงที่เข้าใจท้องถิ่นวัฒนธรรมเดียวกัน ก็ไม่มี
มันก็ตรงกับสามัญสำนึกคนปกติ อุดมการณ์เอกราชปัตตานีเป็นเรื่องชาตินิยม ไม่ใช่ศาสนา ใครจะมาตายเพื่อแผ่นดินคนอื่น ได้อะไร นี่ไม่ใช่ก่อการร้ายสากลที่จะอ้างศาสนาได้ง่ายๆ แล้วขบวนการเอกราชจะเสียงบประมาณไปจัดหานักรบต่างชาติให้มันสิ้นเปลืองทำไม ลำพังคนรุ่นใหม่ๆ ในพื้นที่ก็หาไม่ยาก เพราะถูกหล่อหลอมจากปัจจัยภายในและเงื่อนไขที่ฝ่ายรัฐกระทำ จับกุม คุมขัง ยิงตายข้างถนน ซ้อมทรมาน และความอยุติธรรมในอดีต
เขา ยังระบุว่า การที่เด็กผู้ชายวัยรุ่นไปรวมตัวกัน เด็กปอเนาะไม่ใช่นักบวช เหมือนโรงเรียนประจำนั่นแหละ มีทะโมน แผลงๆ เล่นสนุกสนาน ออกกำลังกาย เป็นเรื่องปกติมากๆ ตอนผมไปถ่ายสารคดีในปอเนาะแห่งหนึ่งที่ปัตตานี น้องๆ เล่าวีรกรรมสนุกสนานมาก บังเกิดความรู้สึกย้อนไปตอนตัวเองบวชสามเณร นั่นคือนักบวชนะ แต่วัยเด็กในร่างมันซุกซนและมีพลังพลุ่งพล่านเกินกฏเกณฑ์ใดไปควบคุม ก็มีวีรกรรมแผลงๆ ไม่ต่างกัน เล่าแลกเปลี่ยนกันสนุกสนานมาก
ปอเนาะคือที่เรียนศาสนาของเยาวชน แต่อีกมุมมันคือสวนอีเดนในสวรรค์ เป็นเหมือนโอเอซิสในทะเลทราย เพราะเป็นที่ซ่อมแซมจิตวิญญาณและร่างกายของเด็กที่เคยหลงผิด ติดยา ติดคุก เคยก่ออาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ปอเนาะหลายแห่งและโต๊ะครูหลายคนดำรงตนในสถานะแบบนี้ เปิดโอกาสให้ทุกคนซ่อมแซมจิตวิญญาณก่อนออกไปเป็นสมาชิกที่ดีของสังคม เป็นหัวหน้าที่ดีของครอบครัว เป็นบ่าวที่ดีของอัลเลาะห์
ฉะนั้น เรื่องการบุกจับกุมเด็กในปอเนาะอาจชนะในยุทธวิธี คือทำให้เป็นข่าว เห็นความเด็ดขาด เปิดตัวนายทหารสายเหยี่ยวคนใหม่ แต่เชิงยุทธศาสตร์นี่พลาดมาก ได้อะไร มีภาพเด็กถูกจับในตาข่ายเหมือนสัตว์ ลดทอนความเป็นมนุษย์อย่างรุนแรง เรื่องนี้สร้างเงื่อนไขเพิ่มแน่นอน มันทิ่มแทงความรู้สึก ถ้าฝ่ายความมั่นคงจริงใจในการแก้ปัญหาจริงๆ ต้องระมัดระวังในการสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมกว่านี้ นอกเสียจากไม่ยี่หระ ไม่แคร์ และไม่กังวลความเสี่ยง
อ่านความเห็นของนักข่าวความมั่นคงรุ่นใหญ่คนหนึ่งแล้วได้แต่ถอนใจ ยังตามก้นทหารเหมือนเดิม ทั้งข้อมูลและการวิเคราะห์ ลงพื้นที่ก็ลงกับทหาร สายตาเป็นสีเขียวลายพรางไปหมด แล้วก็โจมตีประชาสังคม เอ็นจีโอ ที่เขาทักท้วงเรื่องความถูกต้องยุติธรรม หาว่าไม่แถลงการณ์ประณามบีอาร์เอ็น มีกึ๋นอยู่แค่นั้น ทั้งที่ในพื้นที่มีคนคอยเตือน คอยปราม มันก็ดีไม่ใช่เหรอ ถ้าเอาแต่อวย หรือไม่มีประชาสังคม เอ็นจีโอ คุณคิดว่าปัญหาจะไปสู่ทิศทางไหน อย่าเอาแต่ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน เชื่องกันประดุจสัตว์เลี้ยง กระตุกเชือกทีเดียวพากันลงเหวทั้งยวง เป็นสื่อประเภทไหนที่ไม่เคยสำนึกต่อเรื่องเหล่านี้ เอาอุดมการณ์คลั่งชาติมาใช้กับการแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีรากฐานการเมือง เอาชาตินิยมไปแก้ปัญหาชาตินิยม -ไม่ได้หรอก
