ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล มั่นใจ ผู้ผลิตอาหารไม่เปลี่ยนไปใช้‘ไขมันสัตว์’จนกระทบอุตสาหกรรมฮาลาล ระบุน้ำมันพืชไม่มีไขมันทรานซ์ที่ส่งผลอันตราย แค่เปลี่ยนวิธีการผลิต
รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตคณบดีคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา กล่าวว่า ตนได้เตือนเรื่องไขมันทรานซ์มา 20 ปีแล้วว่า เป็นอันตราย เนื่องจากกระบวนการผลิตจากของเหลวเป็นของแข็ง มีการเติมไฮโดรเจนลงไปเพื่อให้เข้ารูป มีอายุมากกว่า และต้นทุนการผลิตต่ำ ซึ่งกระบวนการเติมไฮโดรเจนลงไป ส่งผลให้โมเลกุลของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนไป ซึ่งจะเข้าไปเปลี่ยนไขมันดีเป็นเขมันเลว เปลี่ยนคลอเรสเตอรอลเป็นคลอเรสเตอรอลเลว ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดอุดตัน โรคหัวใจ
“ที่เกรงว่า ผู้ประกอบการจะหันไปใช้ไขมันสัตว์แทนไขมันพืช ซึ่งอาจจะกระทบต่ออุตสาหกรรมฮาลาลนั้น คิดว่า ไม่ส่งผลกระทบ เนื่องจากน้ำมันพืชไม่มีไขมันทรานซ์ในปริมาณที่เป็นอันตราย และการใช้ความร้อนเพียงอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดไขมันทรานซ์ ถ้าไม่เติมไฮโดรเจนลงไป จึงคิดว่า ผู้ประกอบการจะไม่หันไปใช้ไขมันสัตว์ เพราะมีการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดไขมันทรานซ์ การใช้ไขมันสัตว์จะอันตรายมากกว่า ซึ่งอุตสาหกรรมรายใหญ่ ไม่ได้รับผลกระทบเพราะมีการเปลี่ยนกระบวนการผลิต แต่จะกระทบกับรายย่อยเค้ก ขนมปัง ที่ใช้เนยเทียม ครีมเทียม มาการีน ” รศ.ดร.วินัย กล่าว
ด้านรศ.ดร. จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์ ประธานมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค และอดีตอาจารย์ประจำภาควิชาจุลชีววิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงคำสั่งกระทรวงสาธารณสุขห้ามใช้ส่วนผสมที่มีไขมันทรานซ์ จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมผลิตน้ำมันพืชหรือไม่ว่า น้ำมันพืชมีส่วนผสมของไขมันทรานซ์เพียงเล็กน้อย ไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ยังคงใช้ได้ปกติ
“ไขมันทรานซ์มาจากกระบวนการผลิตจ่ากของเหลวเป็นของแข็ง หรือกึ่งของแข็ง ด้วยการเติมไฮโดรเจนเข้าไป ทำให้โมเลกุลของผลิตภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป มีโมเลกุลที่ผิดปกติ เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายร่างกายจะไม่ขจัดสิ่งปกติเหล่านี้ออกไปได้ กลายเป็นไขมันเลว คลอเรสเตอรอลเลว ที่ส่งผลให้หลอดเลือดอุดตัน เป็นโรคหัวใจ ซึ่งมีในเนยเทียม ครีมเทียม มาการีน นมข้นหวาน กาแฟแบบทรีอินวัน ที่มีส่วนผสมของครีมเทียม เป็นต้น ” รศ.ดร.จันทร์เพ็ญ กล่าว
รศ.ดร. จันทร์เพ็ญ กล่าวว่า แต่เดิมเราใช้ไขมันสัตว์ในการประกอบอาหาร ต่อมาเราก็บอกว่า ไขมันพืชดีกว่าไม่เป็นอันตราย เราก็แห่ไปใช้ไขมันจากพืช เพราะสะดวกและราคาถูกกว่า แต่สุดท้ายเราก็พบว่า ไขมันพืชเป็นอันตรายมากกว่าไขมันสัตว์ ซึ่งองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯได้ประกาศยกเลิกไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่ประเทศไทยเพิ่งประเทศยกเลิก ซึ่งการยกเลิกการใช้ไขมันทรานซ์ ผู้ผลิตสามารถใช้เทคโนโลยีการผลิตใหม่ได้ ในต่างประเทศได้ปรับเปลี่ยนมานหลายปีแล้ว ไม่ส่งผลกระทบอะไร ซึ่งหลายบริษัทก็ออกมาประกาศว่า ไม่ได้ใช้ไขมันทรานซ์ แสดงว่า ไม่ได้ใช้การเติมไฮโรเจน ซึ่งเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ อย.ก็จะต้องไปตรวจสอบว่า มีไขมันทรานซ์หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน แต่ในอุตสาหกรรมน้ำมันพืชไม่ได้ส่งผลกระทบ”
“อยากจะเรียนว่า ไขมันทรานซ์ เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งของการเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ เพราะโรคนี้ ยังมีสาเหตุมาจากการกิน หวาน มัน เค็มมาก ซึ่งจะต้องลด การกินหวาน มัน เค็ม ในปริมาณที่มาก เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นโรคหัวใจ” รศ.ดร.จันทร์เพ็ญ กล่าว