ตามที่ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 เว็บไซต์เดอะสตาร์ รายงานว่า ชายวัย 41 ปี (ไม่เปิดเผยนาม) ชาวมาเลเซีย ได้ เดินทางข้ามแดนจากเมืองกัวมูซาง รัฐกลันตัน มายัง อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อแต่งงานกับเด็กหญิงชาวไทย วัย 11 ขวบ (ไม่เปิดเผยนาม) และพาเธอกลับบ้านไปเป็นภรรยาคนที่ 3
ตามรายงาน ระบุว่า ชายคนดังกล่าวเป็นโต๊ะอิหม่ามประจำชุมชนแห่งหนึ่ง เขาแต่งงานมีภรรยาแล้ว 2 คน และมีลูก 6 คน อายุตั้งแต่ 5 ขวบ จนถึง 18 ปี สำหรับภรรยาคนที่ 3 ของเขา ซึ่งมีอายุน้อยกว่าถึง 30 ปีนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนไทย แต่ครอบครัวย้ายไปทำงานอยู่ที่สวนปาล์มแห่งหนึ่งในกัวมูซาง และเธอเองก็เป็นเพื่อนกับลูกคนหนึ่งของเขา
เว็บไซต์ Malaymail.com ได้รายงานเพิ่มเติมว่ารองนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ดอกเตอร์ Wan Azizah เองก็ได้ออกมาแสดงความเห็นว่าการแต่งงานดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และยังมีความผิดตามกฎหมายด้วย
ดร. Wan Azizah ชี้แจงกับสื่อว่าการแต่งงานดังกล่าวเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เพราะพ่อของเด็กหญิงไม่ได้รับการอนุมัติจากศาลในฐานะผู้ดูแล และศาลยังไม่อนุญาตให้เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแต่งงานกับชายที่มีอายุมากกว่าด้วย “การแต่งงานมันไม่ถูกต้อง และพวกเขาต้องแยกจากการ” รองนายกรัฐมนตรีกล่าว
โดยภายใต้กฎหมายของอิสลามระบุว่าผู้หญิงจะแต่งงานได้ตอนอายุ 16 ปี และผู้ชายตอนอายุ 18 ปี ซึ่งทั้งหมดต้องได้รับการยินยอมจากพ่อแม่ของทั้งสองและได้รับการอนุมัติจากศาลเท่านั้น รองนายกรัฐมนตรีบอกอีกว่าตอนนี้ได้มีการออกติดตามอิหม่ามวัย 41 ปีรายนี้ แต่ยังไม่สามารถติดต่อได้
ทั้งนี้ดอกเตอร์ Wan Azizah ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสตรีครอบครัวและชุมชน ได้กำลังพิจารณาว่าการแต่งงานดังกล่าวมีองค์ประกอบของการค้าประเวณีเด็ก หรือการกระทำที่อนาจารด้วยหรือไม่ และอาจมีการพิจารณาเพิ่มขีดอายุสำหรับการแต่งงานจาก 16 และ 18 ปี ให้สูงขึ้นในอนาคตด้วย
ด้านนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ อดีต ส.ส.นราธิวาส หล่ายสมัย ระบุว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ชายมาเลเซียอายุ 41 ปี(ในข่าวว่าเป็นอิหม่าม)เข้ามายังอ. สุไหงโลก จ. นราธิวาส แต่งงานกับเด็กหญิงมุสลิมอายุ 11 ปี เป็นภรรยาคนที่ 3 ด้วยความยินยอมและยินดีของภรรยาคนที่ 2 และเป็นข่าวใหญ่ในมาเลเซีย
“ผมดูและฟังข่าวแล้ว รู้สึกเศร้าใจและเป็นห่วง เพราะเด็กหญิงอายุยังไม่ถึง 15 ปี มันหมิ่นเหม่ ผิดกฎหมายอาญาไทย คนเป็นธุระจัดหาและทำพิธีแต่งงานอาจมีส่วนกระทำผิดไปด้วย
เมื่อไหร่ ? ข่าวประเภทอย่างนี้จะหมดไปจากสังคมเราซักทีเนาะ !” นายอารีเพ็ญ ระบุ