วันนี้ (10 พ.ค.) ที่โรงทานวัดลีนานนท์ บ้านลีนานนท์ หมู่ 6 ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินทางมาร่วมเวทีเสวนา “หาข้อยุติสำหรับโครงการพาคนกลับบ้าน” ที่ทางกองทัพภาคที่ 4 จะพาผู้หลงผิด 105 คนเข้ามาอยู่ในพื้นที่ตำบลสุคิริน อำเภอสุคิริน โดยมีชาวบ้านจาก 3 หมู่บ้านทั้งไทยพุทธ และมุสลิม ประกอบด้วย บ้านลีนานนท์, บ้านจุฬาภรณ์ 12 และบ้านรักธรรม กว่า 1,000 คนคอยให้การตค้อนรับ
สำหรับบรรยากาศภายในเวทีเสวนาเป็นไปอย่างชื่นมื่น โดยแกนนำชาวบ้านและชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านได้มีการพูดคุยกับท่านแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อหาข้อสรุปในประเด็นดังกล่าวโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ทางแม่ทัพภาคที่ 4 จึงได้รับปากกับชาวบ้านว่า จะไม่มีการนำผู้หลงผิดในโครงการพาคนกลับบ้านเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านจุฬาภรณ์ 12
ภายหลังเสวนา แม่ทัพภาคที่ 4 ให้สัมภาษณ์ว่า สำหรับโครงการที่จะพาผู้หลงผิดเข้ามาในหมู่บ้านนั้นเป็นเพียงแค่ความคิด ส่วนที่ชาวบ้านมารวมตัวพูดคุยกับตนในวันนี้ สืบเนื่องมาจากกระแสหลายกระแสในโลกโซเชียล จึงทำให้ชาวบ้านไม่เข้าใจ เมื่อชาวบ้านไม่เข้าใจตนก็ต้องมาพูดคุยกับชาวบ้าน เมื่อคุยกันแล้วชาวบ้านก็เข้าใจ และตนก็ได้ทำความเข้าใจกับชาวบ้านว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง มีหน้าที่ดูแลประชาชน ดูแลชาวบ้านที่เราอยู่มาทุกวันนี้
เมื่อเรามีหน้าที่รับภาษีของประชาชนก็ต้องดูแลประชาชน สิ่งใดที่ประชาชนชาวบ้านไม่ชอบ ไม่ถูกใจ ไม่ยุติธรรม เราก็ไม่ทำอันนี้เราก็คุยกับชาวบ้านเรียบร้อยแล้ว เพราะเมื่อชาวบ้านไม่มีความต้องการไม่มีความประสงค์ทางเราก็ไม่ทำ ทางกองทัพก็จะไปดูที่อื่นว่าจะเป็นยังไงถ้าที่อื่นเขาไม่ยอม เราก็ไม่ยอม ก็จบไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุยกับชาวบ้านวันนี้ก็ได้ข้อสรุปข้อยุติหมดแล้ว สรุปว่าเราจะไม่มีพาคนกลับบ้านมาที่นี่ ดังนั้น ชาวบ้านที่นี่ก็จะอยู่เหมือนเดิม ทุกคนก็จะใช้ชีวิตได้ตามปกติเหมือนเดิม เจ้าหน้าที่ก็ทำหน้าที่ตนเองต่อไปเหมือนเดิมคือปฏิบัติตามหน้าที่ที่ปัจจุบันกำลังทำอยู่” แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าว
นายแผ่นดินสยามฆ์ สวนสุวรรณ แกนนำชาวบ้านบ้านลีนานนท์ กล่าวว่า เมื่อก่อนผู้ร่วมพัฒนาชาติไทยมีเพียงแค่ 500 คน ที่ชาวบ้านยอมรับเพราะว่าตอนที่เขามอบตัว เปิดตาชาวบ้าน ไม่เคยประท้วง ไม่เคยต่อต้านแม้แต่นิดเดียว ทั้งนี้ เพราะตอนที่เขาอยู่ในป่า กลุ่มคอมมิวนิสต์มาลายาดูแลปกป้องชาวบ้าน ก็เลยอยู่กันเหมือนพี่เหมือนน้องตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน แต่ว่าตอนนี้ถ้ามีผู้หลงผิดเข้ามาอยู่ก็จะเหมือนมีคนนอกเข้ามา มันจะทำให้เกิดความแตกความสามัคคี จะเกิดปัญหาอย่างรุนแรง สายน้ำต้นน้ำจะเสียหายหมด ปัญหาหาหลักๆ เลยก็คือประชาชนในพื้นที่หวาดระแวง
นายแผ่นดินสยาม กล่าวอีกว่า เมื่อแม่ทัพภาคที่ 4 ให้คำมั่นสัญญาแบบนี้ชาวบ้านก็โล่งใจเพราะว่าตอนแม่ทัพให้สัมภาษณ์กับสื่อ เราไม่สบายใจ ชาวบ้านในพื้นที่ต่างไม่สบายใจ เพราะแม่ทัพบอกว่า คนที่ไม่เห็นด้วยมีเพียงแค่ 3 4 คน ชาวบ้านก็เลยคิดว่าแม่ทัพกำลังให้สัมภาษณ์ผิดบิดเบือน แต่ตอนนี้หลังจากมีการพูดคุยกับท่านแม่ทัพแล้วท่านแม่ทัพก็ได้มาพูดคุยกับชาวบ้าน ก็ทำให้ชาวบ้านสบายใจขึ้น
“แม่ทัพให้สัญญาว่าหากชาวบ้านไม่เอา แม่ทัพก็ไม่ทำต่อ เพราะนี่คือคำมั่นสัญญา ที่แม่ทัพให้ไว้กับชาวบ้าน” นายแผ่นดินสยาม กล่าว
พร้อมกล่าวต่อว่า เมืองสุคิรินตอนนี้เป็นเมืองที่ธรรมชาติสมบูรณ์มากถ้าเป็นช่วงเช้าขี่รถจักรยานยนต์ก็จะเจอสายหมอกเหมือนขับรถผ่านทะเลหมอก แม่น้ำลำคลองสมบูรณ์ ถ้าหากว่าเอางบประมาณที่จะสนับสนุนผู้หลงผิดในโครงการพาคนกลับบ้านมาสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวการท่องเที่ยวในพื้นที่ มาพัฒนาด้านการท่องเที่ยวดีกว่าและเหมาะสมกว่า เพราะจะได้ช่วยชาวบ้าน เนตื่องจากตอนนี้ราคายางก็ตกต่ำเลยอยากจะให้ประชาชนในประเทศและต่างประเทศ มาเที่ยวสุคิริน
แหล่งท่องเที่ยวในบ้านเรามีมากมาย มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ แม้ว่าจะอากาศร้อน แต่ก็มีธรรมชาติที่รองรับ นอกจากนี้พื้นที่สุคิรินยังเป็นพื้นที่ที่เป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ อยากให้ภาครัฐให้ความสำคัญเรื่องการท่องเที่ยว เนื่องจากชาวบ้านตอนนี้ขาดรายได้จากการเกษตรเพราะราคายางที่ตกต่ำ ความหวังอย่างเดียวก็คือการท่องเที่ยวในพื้นที่” นายแผ่นดินสยาม กล่าว
นางนูรี บินดอเลาะ อายุ 27 ปีชาวบ้านบ้านจุฬาภรณ์ 12 เปิดเผยว่า ขอบคุณท่านแม่ทัพภาคที่ 4 ที่ไม่ได้เอาโครงการพาคนกลับบ้านนี้มาไว้ในหมู่บ้าน เพราะว่าตอนนี้หมู่บ้านของเราเดือดร้อนมากพออยู่แล้ว เด็กๆวัยรุ่น ก็หลงผิดมากพอแล้วเลยอยากขอบคุณท่านแม่ทัพมากๆ ที่ไม่ให้โครงการนี้มาอยู่ในหมู่บ้านของเรา
นางนูรี ยังกล่าวอีกว่า อยากให้หน่วยงานภาครัฐมาสนับสนุนเรื่องการท่องเที่ยวพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว ให้มีแหล่งท่องเที่ยวที่ดีให้ดีกว่านี้ เพราะว่าตอนนี้ก็มี เพียงแต่ว่ายังไม่ดีพอ บางจุดยังสร้างไม่เสร็จ หากเป็นไปได้อยากให้มีงบประมาณมาลงพัฒนาหมู่บ้านพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว อยากให้หมู่บ้านสุคิรินเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะว่าอยากให้หมู่บ้านเจริญ อยากให้อำเภอสุคิรินเจริญ อยากให้คนในหมู่บ้านมีรายได้มากขึ้น หากมีแหล่งท่องเที่ยวมากขึ้นหรือเปิดใหม่เมื่อไหร่อยากให้ทุกคนมาช่วยกันเที่ยวสุคิรินกันให้มากๆ