ซีเรียถล่มหนักที่มั่นสุดท้ายฝ่ายกบฎในกูตา ไม่สนยูเอ็นให้หยุดยิง หวั่นสหรัฐฯใช้เป็นช่องทางส่งอาวุธ

“กองทัพซีเรีย” รุกคืบยึดเมืองใหญ่ในกูตาตะวันออกคืนจากกบฏ ยันเดินหน้าไล่ล่าต่อเนื่อง ไม่สนยูเอ็นขอให้หยุดยิง

สำหรับสถานการณ์ในประเทศซีเรียยังดุเดือดอย่างหนัก หลังจากที่ทางด้านกองทัพซีเรียได้เดินหน้าที่จะยึดคืนพื้นที่กูตาตะวันออก ที่เป็นพื้นที่สุดท้ายของกลุ่มกบฏยึดครองเอาไว้ และล่าสุดทางด้านสหประชาชาติได้ ขอให้มีการหยุดยิงเป็นระยะเวลา 30 วัน ซึ่งทางด้านรัสเซีย พันธมิตรของซีเรีย ที่ได้ร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้ ได้ประกาศหยุดยิงเป็นเวลา 5 ชั่วโมงต่อวัน คือตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 14.00 น. ของทุกวัน ซึ่งสถานการณ์ก็ดูเหมือนคลี่คลาย แต่ทว่าพอพ้นช่วงเวลา ดังกล่าวกลับพบว่าสถานการณ์กลับรุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว ขณะที่ทางด้านสหประชาชาติออกมาร้องขอให้มีการเปิดทางเข้าให้การช่วยเหลือพลเรือนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ แต่ทว่าพันธมิตรของซีเรียเอง ไม่ว่าจะเป็นรัสเซีย หรืออิหร่าน ก็เกรงว่าการเปิดทางเข้าให้การช่วยเหลือนั้นจะเป็นช่องทางให้ทางด้านสหรัฐฯ และพันธมิตรอื่น ๆ ของกลุ่มกบฏใช้เป็นช่องทางในการลำเลียงอาวุธเข้าสู่พื้นที่มากยิ่งขึ้น ในขณะที่ทางด้านประธานาธิบดี บาชาร์ อัล อัสซาด ได้ประกาศเมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2561 ว่า ปฏิบัติการโจมตีเขตกูตาตะวันออก เพื่อทวงคืนพื้นที่จากฝ่ายกบฏยังต้องเดินหน้าต่อไป ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาชาติให้ยุติเหตุนองเลือดที่คร่าชีวิตพลเรือนผู้บริสุทธิ์ไปแล้วหลายร้อยศพ

จนกระทั้งเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2561 องค์กรสังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนซีเรีย หรือ เอสโอเอชอาร์ ได้มีการรายงานข้อมูลเบื้องต้นว่า ทางด้านกองทัพซีเรียประสบความสำเร็จในการยึดเมืองเมสราบา ที่อยู่ห่างจากกรุงดามัสกัสไปทางตะวันออกประมาณ 10 กิโลเมตร และเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในเขตกูตาตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่แห่งสุดท้ายรอบเมืองหลวงของซีเรียที่กองกำลังฝ่ายกบฏยังคงยึดครองเอาไว้ได้

ขณะเดียวกัน กองทัพซีเรียยังสามารถยึดถนนสายสำคัญหลายสายในเขตกูตาตะวันออก แล้วแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 เขตย่อย ได้แก่เขตดูมา เขตฮาราสตาที่อยู่ทางตะวันตก และเขตที่เหลือทั้งหมดทางตอนใต้

แม้ว่าสหประชาชาติ จะดำเนินการอย่างไร ก็คงจะห้ามทัพของทางด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาดไม่ได้อีกต่อไป เพราะ ภารกิจต่าง ๆ ที่สั่งสมมานั้นกำลังจะลุล่วงสู่ความสำเร็จ หากว่ายุติในเวลานี้ ก็อาจจะต้องเหนื่อยต่ออีกนาน เพราะทุกฝ่ายที่เป็นพันธมิตรกับผู้นำซีเรียนั้น หวั่นว่าการเข้าพื้นที่ของสหประชาชาตินั้น จะเป็นช่องทางหนึ่งที่กลุ่มกบฏได้นำเอาอาวุธต่างๆเข้าไปสนับสนุนพวกตนเพื่อได้มีกำลัง และอาวุธสู้กับทางด้านกองทัพซีเรียต่อไปนั่นเอง

http://www.tnews.co.th/index.php/contents/426029