ไม่ใช่เทศกาลของเรา แล้วไง… ต้องต่อต้าน จนเกิดความขัดแย้ง

#ไม่ใช่เทศกาลของเรา แล้วไง…

อับดุลกอเดร มัสแหละ

คนเรา ถ้าจะอยู่แบบอะไรก็ได้ ก็ต้องอยู่ในบ้านเรา ไม่ต้องไปไหน แต่ถ้าออกจากบ้านเรา แค่พ้นประตูบ้าน เราก็ต้องเจอะเจอกับผู้คน ที่เรียกว่าสังคม ในสังคมมันก็มีความหลากหลาย

สังคมความหลากหลาย มันก็เหมือนเราเดินไปในตลาด ของที่ชอบเราก็ซื้อ ของไม่ชอบก็เดินผ่าน ไม่มีใครตะโกน บอกแม่ค้าว่า ของที่แกขายฉันไม่ชอบหรอกนะ

ยิ่งเป็นเรื่องความเชื่อ มันยิ่งต้องระมัดระวังให้มากๆ อัลลอฮ์ ซ.บ.จึงได้ลงอายะฮ์ สะกัดกั้นผู้ศรัทธาไว้ก่อนแล้วด้วย “ละกุมดีนุกุมวะลียะดีน” ศาสนาของท่านก็ของท่าน ศาสนาของฉันก็ของฉัน..

ใกล้จะถึงเทศกาลของศาสนาต่างๆทีไรผมเป็นต้องเครียดทุกที เพราะจะมีมุสลิมบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนน้อย ที่มักจะออกมาต่อต้านเทศกาลนั้นจนเลยขอบเขต ถึงขนาดไปงัดประวัติศาสตร์ของเขามาเป็นประเด็น จากนั้นก็สรุปว่าไม่ดีแบบนั้นแบบนี้ มุสลิมไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว

นอกจากจะไม่เข้าใจพระดำรัสของอัลลอฮ์ที่ว่า “ละกุมดีนุกุมวะลียะดีน” แล้ว มันยังเป็นตัวบ่งชี้ว่าการสอนเรื่องอะกีดะฮ์ของมุสลิมเองมีปัญหา เยาวชนมุสลิมเลยไม่รุ้ว่า วันวาเลนไทม์ คืออะไร จึงต้องออกมาบอกว่า มันไม่ใช่ของมุสลิม จะทำให้เสียอะกีดะฮ์ หรือว่ามุสลิมไม่ทราบ ว่ามันไม่ใช่วันสำคัญของศาสนาอิสลาม ถึงต้องมาย้ำกันทุกปี

ในเมื่อมันไม่ใช่วันสำคัญของมุสลิม แล้วไงต่อไป…หรือกลัวมุสลิม ไม่รู้เดินไปเข้าโบส์ด้วย ผมว่ามันวิตกจริตจนเกินไป เกินจนไปก้าวล่วงวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้คนในศาสนิกนั้นๆหันกลับมาตั้งคำถามต่อมุสลิมก็หลายครั้ง ว่ามันเดือดร้อนอะไรกับความเชื่อคุณด้วย แต่บางคนก็โต้กลับด้วยความรุนแรง

มุมของอิสลาม กับคริสต์นั้นมันมีความเปาะบางอยู่แล้ว การที่เราจะห้ามคนของเราก็ควรห้าม หรืออธิบายกันภายใน และไม่สมควรไปก้าวล่วงแบบเสียหาย ในเมื่อเขาเชื่อแบบนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา เรื่องความเชื่อไม่มีใครบังคับได้

วันที่ 14 กุมภาพันธ์นั้น ..เป็นวันเสียชีวิตของนักบุญนามว่า..
เซนต์วาเลนไทน์ .. นักบุญแห่งความรัก จริงๆแล้วเป็นเรื่องของชาวคริสต์เขา

ส่วนจะเป็นวันที่หนุ่มสาวจะต้องมีอะไรกันจนต้องเสียสาว มันเป็นเรื่องหย่อนยานทางศีลธรรมของคน อิสลามห้ามการซินา(ผิดประเวณี) หากยังมีมุสลิมไปทำสินา ในวันนี้ มันไม่ใช่ความผิด ของวันวาเลนไทม์ แต่มันเป็นความผิดของคนที่ไปทำซินา มันผิดที่พ่อแม่ผู้ปกครอง มันบรกพร่องของผู้มีความรู้ ที่สอนเรื่องซินา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาเอง

เอาเข้าจริงๆพ่อแม่ผุ้ปกครองก็หวาดหวั่นการเสียตัวของลูกสาว ในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พอๆกับการกลัวญาติพี่น้องจะเสียชีวิตในวันปีใหม่-สงกรานต์นั้นแหละ

ความไม่ถูกต้องของเรื่องมันเกิดจากผู้คนที่สร้างค่านิยมในเทศกาลของตัวเองให้ผิดพลาด มันเกี่ยวกับเทศกาลหรือไม่…??? มันเป็นสิ่งที่ เจ้าของ ของเทศกาลนั้นต้องวิเคราะห์และหาทางยับยั้งเอง

ยกตัวอย่างเช่น สงกรานต์มีคนตายมากจากอุบัติเหตุ เพราะดื่มสุราแล้วขับรถ เราก็จัดการที่ต้นเหตุอย่างที่ทำกันอยู่

14 กุมภา มีข่าวว่าเสียตัวกันมาก ก็จัดการที่ต้นเหตุเสีย เจ้าของเทศกาลนี้ก็หาวิธีการเอง ส่วนคนในความเชื่ออื่นๆ ที่ใช้เทศกาลนี้ ไปทำให้เกิดการเสียตัว แสดงว่าไม่เชื่อในคำสอนของศาสนาตัวเอง

ยกตัวอย่างเรื่องการซินา(ผิดประเวณี) สำหรับอิสลามแล้วมันเรื่องใหญ่ เราก็ต้องสอนคนของเราเรื่อง “ซินา” ไม่ใช่ไปโจมตีวิพากษ์วิจารณ์เทศกาลวาเลนไทม์ ซึ่งมันจะเป็นการกระทบระหว่างความเชื่อกัน

จริงๆไม่ได้กลัววันวาเลนไทม์หรอก เพราะใครๆก็รู้ว่า เป็นเทศกาลของชาวคริสต์เขา แต่ที่กลัวคือการผิดประเวณี …

หากมีมุสลิมไปเสียตัวในวันนี้ ถามว่าจะด่าใคร ในฐานะศาสนิกชน ระหว่างคนของเรา กับเทศกาลวาเลนไทม์

มุสลิมไม่ควรโพสต์ คำกล่าวที่ว่า “ฉันเป็นมุสลิม ไม่มีการฉลองวันวาเลนไทน์” มุสลิมควรหยุดโพสต์ คำกล่าวที่ว่า ” ฉันเป็นมุสลิม ไม่มีการฉลองวันวาเลนไทน์” หรือ โพสต์ว่า ” เรามุสลิม ไม่สนับสนุนให้มีการลอยกระทง” หรือคำโพสต์อื่นๆ มากมาย ที่ทำให้คนต่างศาสนิกรู้สึกไม่ดี

ผมเห็นด้วยกับข้อความนี้ เพราะเมื่อถึงเทศกาลของมุสลิม ก็ไม่เห็นคนที่มิใช่มุสลิมออกมาต่อต้านอะไร ไม่เห็นเขามาต่อต้านเทศกาลถือศิลอด ไม่ออกมาแอนตี้วันอีด(วันตรุษของมุสลิม)

เห็นสื่อมวลชนที่มิใช่มุสลิม พูดถึงเดือนรอมฎอน ทำข่าววันอีด ของมุสลิม ทำไมไม่ห้ามเขาว่าอย่าทำ ห้ามเขาว่าไม่ต้องมาชื่นชมความเชื่อฉัน

เวลาเขาชื่นชมเทศกาลของเรา เห็นยินดีปรีดากันใหญ่ สมมุติเขาออกมาวิจารณ์เทศกาลเรา ผมเชื่อแน่มีคนยอมไม่ได้

ในทางกลับกัน หากเราไปวิจารณ์เทศกาลเขาไม่คิดหรือว่าเขาจะไม่โกรธ ผมว่าบางเรื่องถ้าเราชื่นชมเขาแล้วกลัวจะผิดหลักศรัทธา เราก็อยู่เฉยๆบ้างก็ได้ ไม่ชอบก็อย่าไปแตะก็แค่นั้น

เอาเข้าจริงซุนนะฮ์ แบบอย่างของท่านนบีฯท่านไม่ได้ตำหนิติเตียนความเชื่อใดๆ ท่านไม่ได้เป็นต้นเหตุให้เกิดการเข้าใจผิด ท่านถูกส่งมาเพื่อให้เกิดความเมตตาต่อมวลมนุษย์ทั้งมวล

เมื่อลูกเราทำผิด ก็เอามาสั่งสอน หรือทำโทษกันในบ้าน…แต่ถ้าไปนั่งสอนกันนอกบ้าน ทำโทษต่อหน้าคนอื่น…คนอื่นเขาได้ยิน ได้เห็น เมื่อเขามอง จะไปด่าว่า “เสือกมองทำไม” ไม่ถูกนะ

ลูกเราไปเที่ยววันวาเลนไทม์ ไปเสียตัวมา แต่เราไปนั่งด่าวันวาเลนไทม์ มันไม่ใช่นะครับ ในเมื่อเราอยู่ร่วมกับทุกความเชื่อ มันหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอะเจอสิ่งนี้

เรื่องความเชื่อเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะตีวัวก็ไม่ต้องไปกระทบคาด คนของเราจะเสียอะกีดะฮ์ มันก็ไม่เกี่ยวกับเทศกาลอะไรทั้งนั้น หากคนของเราอะกีดะฮ์อ่อนแอเอง

แต่ถ้าอะกีดะฮ์อ่อนแอ ไม่มีเทศกาลอะไรเลย มันก็ไปครับ แต่ถ้าอะกีดะฮ์แข็งแรง อยู่ตรงไหนก้ได้…อย่าต้องทำให้การเข้าใจผิดเกิดขึ้นทุกเทศกาลเลย ไม่ไหวจะตามแก้…