ฮาลีมะห์ ศรีมาลา หญิงไทยไป “ประสบความสำเร็จ” ที่ดูไบ

ฮาลีมะห์ ศรีมาลา เป็นมุสลิมไทยที่ไปประสบความสำเร็จ ที่ดูไบ เป็นเจ้าของกิจการ “เครื่องหอม” และ “สปา” ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ มีพนักงานมากกว่า 200 คน

ฮาลีมะห์ ศรีมาลา เกิดและเติบโตในกรุงเทพฯ เริ่มต้นธุรกิจด้วยการค้าขายไม้หอม เครื่องหอม ย่านซอยนานา ให้กับพี่น้องชาวอาหรับที่เดินทางมาเที่ยวประเทศไทย นอกจากค้าขายเกี่ยวกับเครื่องหอมแล้ว ยังเป็นเอเย่นต์นำแรงงานไทยเดินทางไปทำงานที่ซาอุดิอารเบีย จนเมื่อไทยมีปัญหากับซาอุฯ กรณีการขโมยเพชร ทำให้กิจการค่อนข้างมีปัญหา จึงได้ตัดสินใจเดินทางไปปักหลักทำกิจการที่ดูไบ เมื่อ 22 ปีที่ผ่านมา และเป็นคนไทยคนแรกๆ ที่เดินทางไปเปิดกิจการที่ดูไบ

“เดินทางไปครั้งแรก 14-15 ปี ไม่ได้กลับประเทศไทยเลย นำสินค้า ประเภทเครื่องหอม ไม้กฤษณา สมุนไพรไทย ไปขายที่อาหรับเริ่มต้นจากการเดินสายออกบูธตามงานอีเวนต์ ในประเทศย่านตะวันออกกลาง กาตาร์ บาห์เรน ซาอุดิอารเบีย โอมาน เป็นต้น จนเป็นที่รู้จัก จึงเปิดเป็นร้านที่ดูไบ” ฮาลีมะห์ กล่าว ฮาลีมะห์ มีร้านที่ยูเออี 2 ร้าน ที่เมืองอัจมาน กับชาเราะห์ โดยที่อัจมาน เปิดในชื่อ Thailand Health Massage Center ส่วนที่ชาเราะห์ ร่วมทุนกับหุ้นส่วน เปิดเป็นร้านเสริมสวย และนวดไทย ในชื่อ Darin Ladies Saloon จำหน่ายสินค้าที่นำเข้าจากประเทศ ไทยและประเทศอื่นๆ อาทิ สินค้า พวกน้ำหอม เครื่องหอม นำเข้ามาจากฝรั่งเศสและประเทศไทยมาผสมกัน สมุนไพรจากประเทศไทย ทั้งสมุนไพรขัดหน้า ขัดตัว ขัดผิวสมุนไพรเกี่ยวกับความงามต่างๆพวกลูกประคบ เป็นต้น รวมทั้ง เปิดให้บริการนวดไทยด้วย

เธอบอกว่า นวดไทยเพิ่งเปิดมา 10 กว่าปี เริ่มจากการบริการนวดตามบ้าน ก่อนจะเปิดเป็นร้าน คนอาหรับนิยมใช้บริการ ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการ คนทำงานออฟฟิศ ที่นั่งนานๆ มีอาการปวดเมื่อย นวดไทยช่วยให้ผ่อนคลาย รวมทั้งการนวดหลังคลอดมีจำนวนมากที่สุดและยังให้บริการตามบ้าน การนวดจะแยกชายหญิง ชายนวดชาย หญิงนวดหญิง ราคาประมาณ ชั่วโมงละ 1,500 บาท มีหมอนวดให้บริการประมาณ 200 คน แต่ละคนมีรายได้เฉลี่ยคนละประมาณ 40,000 บาท

“การที่ธุรกิจได้รับความนิยม มาจากความตั้งใจทำ มีความอดทนสูง มีสมาธิ เวลามีปัญหาก็จะแก้ปัญหาให้ลูกค้า บริการแบบตรงไปตรงมา ประกอบกับช่างฝีมือดี ทำให้ได้รับการยอมรับพูดกันปากต่อปาก จึงมีคนเข้ามาใช้บริการมาก”  เธอกล่าว

นอกจากร้านที่ชาเราะห์และอัจมานแล้ว  ฮาลีมะห์ ยังไปเช่าพื้นที่เปิดขายสินค้าใน Global Village งานอีเวนต์ระดับโลกของดูไบ “Global Village เป็นงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีรัฐบาลทั่วโลกมาเปิดบูธ เปิดดำเนินการ ปีละประมาณ

6 เดือนเริ่มต้นประมาณปลายเดือนตุลาคม ปิดประมาณเมษายน มีคนจากทั่วโลกมาท่องเที่ยวซื้อส้นค้า ซึ่งแต่ละประเทศจะเปิดเป็นพาวิลเลียน ของประเทศไทยก็มาเปิดมีผู้ประกอบการประมาณ 200 ราย อยู่ในพาวิลเลียน เราดิฉันก็เป็น 1 ในนั้น ซึ่งในเวลา 6 เดือนจะต้องดูแลร้านตลอด ไปไหนแทบไม่ได้ แต่ละครั้งลงทุนทั้งค่าเช่า ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ประมาณ 20 ล้านบาทต่อร้าน จะต้องมีรายได้ 40 ล้านบาท จึงจะอยู่ได้ ซึ่งได้เปิดมาแล้วหลายปี” เธอกล่าว

การทำธุรกิจของ ฮาลีมะห์ ศรีมาลา เป็นตัวอย่างของความขยันอดทน ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ทำให้ได้รับการยอมรับ จนกิจการเจริญเติบโตอย่างสูง

หมายเหตุ : จากนิตยสาร MTODAY ฉบับประจำเดือนพฤษภาคม 2559