สำหรับมะริด จากด่านสิงขรไปมะริดระยะทาง 180 กิโลเมตร แต่เส้นทาง(2559)มีความยากลำบากต้องใช้เวลาเดินทาง 5-6 ชั่วโมง ทางการเมียนมา กำลังปรับปรุงเส้นทาง ประมาณ 1-2 ปีคงแล้วเสร็จจะทำให้การเชื่อมต่อประจวบ-มะริด สะดวกยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนในส่วนที่เป็นสมาคมการค้าและทางจังหวัดประจวบ ได้ขับเคลื่อนเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างประจวบกับมะริดอย่างต่อเนื่อง เพื่อศึกษาเรียนรู้ระหว่างกันให้มากขึ้น “มะริด” จึงกำลังเปิดมากขึ้น มีผู้คนไปเยี่ยมเยือนกันมากขึ้น ในอนาคตอาจเป็นจุดหมายหนึ่งของการเดินทางไป “มะริด” ระยะทาง 180 กิโลเมตร จากด่านสิงขรไปยังมะริด เป็นเส้นทางขรุขระ เป็นหลุมบ่อ เป็นดินลูกรัง ประมาณ 40 กิโลเมตร โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นเขา ถนนโรยด้วยหินขนาดใหญ่ การเดินทางจึงยากลำบากพอสมควร จุดนี้ใช้เวลามากกว่า 1 ช.ม. ทางการเมียนมากำลังก่อสร้างเส้นทางมีการใช้หินจากภูเขามาถมถนน แต่การก่อสร้างเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะยังใช้แรงงานคนในการทุบหินให้มีขนาดเล็ก มีรถขนหิน 2-3 คัน วันละไม่แน่ใจว่า ถึง 10 เที่ยวหรือไม่ แต่มีการก่อสร้างสะพานข้ามคลอง ข้ามแม่น้ำเสร็จแล้วเกือบทุกแห่ง
หลังพ้นจากเส้นทางข้ามภูเขาจะมีจุดพักรถ เป็นร้านค้าเล็กๆ มีอาหารทำแบบง่ายๆ วางเรียงรายมากกว่า 10 เมนู เสียแต่แม่ค้าใช้มือตักข้าว ข้าวมือแรกที่เมียนมาอาจจะสร้างความกระอักกระอ่วนพอสมควร สนนราคา 100 กว่าบาท ก็ไม่แพง (เงินจ๊าดเมียน 100 จ๊าดเท่ากับเงินไทย 3 บาท และมีปัญหาเรื่องสถานที่แลกเงิน เพราะธนาคารไม่รับแลกเงินไทย ต้องแลกกับแม่ค้ารายย่อยในเมือง ซึ่งหากเดินทางไปเองก็ต้องสอบถามจากคนเมียนมา) จากจุดพักรถไปไม่นานก็จะพ้นจากถนนดินแดง
จากตะนาวศรี ผ่านอีกหลายตำบลจึงถึงมะริด จากฝั่งอ่าวไทยไปยังฝั่งอันดามัน จึงค่อนข้างสะบักสะบอม คนที่เคยเดินทางแบบสบายๆ คงเหนื่อยหน่อย คิดจะมาเที่ยวมะริดในช่วงนี้จึงต้องคิดดูให้ดี แต่คนที่ชอบผจญภัยก็ได้เลยมะริดเป็นเมืองขนาดเล็ก เท่ากับจังหวัดขนาดเล็กของไทย ด้วยที่การบริหารจัดการไม่ดี เมืองจึงไม่สะอาด ขยะไม่มีการจัดเก็บที่เป็นระบบเลยมีปัญหาความสะอาดมาก แต่ที่พักที่มะริดก็พอใช้ได้ แต่ด้วยความที่มีจำนวนไม่มากราคาจึงสูงเมื่อเปรียบเทียบกับประจวบคีรีขันธ์ ราคาอยู่ระหว่าง 700-1,800 บาท มีโรงแรมที่เป็นของคนไทย แต่เสียดายที่ไม่ได้ไปสัมผัส พักที่โรงแรมที่ฝรั่งบริหารชื่อ เดอะแกรนด์ ราคาคิดเป็นเงินเหรียญ 30-35 เหรียญ แต่เมื่อทอนกลับมาเป็นเงินบาท เขาจะคิดจากดอลลาร์ไปจ๊าด จากจ๊าดแลกเป็นบาท ราคาแลกเปลี่ยนจึงแพงหูฉี่อยู่ที่ 42 บาท แพงกว่าราคาตลาด 7 บาททีเดียว โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมือง ติดกับห้างสรรพสินค้าเล็กๆ บนดาดฟ้าของโรงแรม เป็นสถานที่รับประทานอาหารเช้าที่สามารถชมวิวมะริดได้ 360 องศา ด้านหนึ่งเป็นทะเล ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นภูเขา สวยงามทีเดียว
มะริด เป็นเมืองท่า ตึกใหญ่ๆ ริมทะเลเป็นของบริษัทนำเข้าและส่งออก แต่ความสวยงามของมะริด คืออาคารรูปแบบเมียนมา และตึกแบบชิโนโปรโตกริสหลายแห่ง สะท้อนให้เห็นถึงความเฟื่องฟูของมะริดในอดีต เหมือนภูเก็ตบ้านเรา การท่องเที่ยวน่าจะเป็นจุดขายหลักของมะริด หากมีการบริหารจัดการที่ดี เพราะนอกชายฝั่งมะริดมีเกาะกลางหลายสิบเกาะ และมีความสวยงามไม่แพ้เกาะพีพี ของไทยด้วยซ้ำ มีบริษัทของฝรั่งบริษัทเดียว นำเที่ยวเกาะ ดำน้ำ ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง เพราะราคายังค่อนข้างแพง และใช้เรือขนาดใหญ่เดินทาง ออกจากท่าประมาณ 7 โมงเช้ากลับถึง 5 โมงเย็น แต่ก็ยังมีทางเลือกโดยเที่ยวตามเกาะใกล้ๆ อาทิ เกาะกะลา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม. เหมาเรือจากท่าเรือ ประมาณ 1,000 บาท ก็คุ้มค่าดี
สำหรับบริษัทท่องเที่ยว น่าจะมีแพคเก็จท่องเที่ยวตรงนี้ขึ้นมาด้วย เพราะส่วนใหญ่ไปถึงแค่มะริดแล้วกลับ หากเพิ่มเวลาไปเที่ยวเกาะที่สวยงาม ก็จะเป็นจุดขายที่ดีอีกจุดหนึ่ง มะริด ยังไม่เป็นที่นิยมของนักเดินทางของไทยมากนัก อาจเป็นเพราะการเดินทางที่ยากลำบาก ทางเครื่องบินเองเคยมีสายการบินเมียนมาเปิดเที่ยวบินมะริด-สุวรรณภูมิ แต่ไม่มีคนใช้บริการ เลยต้องหยุดให้บริการ น่าจะเป็นช่องทางให้สายการบินไทยรุกเข้าไปในจุดนี้ ปูฐานการเดินทางเหมือนที่บางกอก แอร์เวย์เคยทำไว้ในหลายๆ จุด ก่อนที่จะบูม จุดขาย ทั้งด้านการท่องเที่ยวการค้าขายอาหารทะเล ประเพณีวัฒนธรรม น่าจะช่วยโปรโมทให้การเดินทางคึกคักมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถนนเชื่อมต่อประจวบ-มะริดแล้วเสร็จ ก็น่าจะช่วยให้การเดินทางไปมะริดคึกคักมากยิ่งขึ้น ไม่เกิน 1 –2 ปีนี้ …
หมายเหตุ : จากนิตยสาร MTODAY ฉบับประจำเดือนเมษายน 2559