“มัทฉะ”ประโยชน์เพียบ สารอนุมูลอิสระสูง ดีต่อเลือดเลือดและหัวใจ

มัทฉะ (Matcha) เป็นชาเขียวชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ 

ประกอบด้วย

1. อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

มัทฉะมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง โดยเฉพาะ คาเทชิน (Catechins) ที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย ลดการอักเสบ และชะลอวัย

2. ช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว

มี คาเฟอีนและแอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ซึ่งช่วยให้ร่างกายตื่นตัวอย่างมีสมดุล ไม่ทำให้ใจสั่นเหมือนกาแฟ และช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น

3. ส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน

มัทฉะช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงานและไขมันในร่างกาย ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก

4. ดีต่อสุขภาพหัวใจ

ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด

5. สนับสนุนการล้างสารพิษ

มัทฉะมีคลอโรฟิลล์สูง ซึ่งช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น

6. ส่งเสริมสุขภาพสมอง

แอล-ธีอะนีนช่วยให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ลดความเครียดและช่วยให้ผ่อนคลาย

7. ดีต่อระบบย่อยอาหาร

มีเส้นใยอาหารที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายและปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้

8. อาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง

สารคาเทชินในมัทฉะอาจช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด

มัทฉะจึงเป็นเครื่องดื่มที่ให้ประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยเพิ่มพลังงาน ส่งเสริมการลดน้ำหนัก ป้องกันโรคหัวใจ และช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ใครที่อยากดูแลสุขภาพอาจลองดื่มมัทฉะแทนกาแฟหรือชาแบบอื่นดู!

กระบวนการผลิตมัทฉะ

มัทฉะ (Matcha) เป็นชาเขียวที่ผ่านกระบวนการผลิตพิเศษเพื่อให้ได้ผงชาที่ละเอียด หอม และมีสารอาหารสูง กระบวนการผลิตมีหลายขั้นตอน ดังนี้

1. การปลูกชา (Shading Process)

  • ต้นชาจะถูกปลูกในที่ร่มประมาณ 20-30 วันก่อนเก็บเกี่ยว โดยใช้ผ้าคลุมเพื่อลดปริมาณแสงแดด
  • การบังแดดนี้ช่วยเพิ่มปริมาณ คลอโรฟิลล์ ทำให้ใบชามีสีเขียวเข้ม และเพิ่มกรดอะมิโน เช่น แอล-ธีอะนีน (L-Theanine) ที่ช่วยให้รสชาติกลมกล่อม
  • 2. การเก็บเกี่ยว (Harvesting)
  • เก็บเฉพาะ ใบชาอ่อนยอดบนสุด ซึ่งมีคุณภาพดีที่สุด
  • โดยปกติจะเก็บเกี่ยวในช่วง ฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) ซึ่งเป็นช่วงที่ใบชามีรสชาติและสารอาหารดีที่สุด
  • 3. การนึ่งใบชา (Steaming)
  • หลังจากเก็บเกี่ยว ใบชาจะถูก นึ่งทันที เป็นเวลา 15-20 วินาที เพื่อหยุดกระบวนการออกซิเดชัน
  • การนึ่งช่วยรักษาสีเขียวสดและสารอาหารของใบชา
  • 4. การทำให้แห้งและการคัดแยก (Drying & Destemming)
  • ใบชาที่ผ่านการนึ่งแล้วจะถูกทำให้แห้ง
  • จากนั้นจะนำไป คัดแยกก้านและเส้นใบออก ทำให้เหลือเฉพาะเนื้อใบชาเท่านั้น
  • ใบชาที่ผ่านกระบวนการนี้เรียกว่า “เทนฉะ (Tencha)” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของมัทฉะ
  • 5. การบดใบชา (Grinding into Matcha Powder)
  • เทนฉะ จะถูกนำไปบดด้วย โม่หินแกรนิตแบบดั้งเดิม
  • การบดนี้ทำอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันความร้อนสูงที่อาจทำลายสารอาหาร
  • โดยเฉลี่ยแล้ว ใช้เวลา 1 ชั่วโมงในการบดใบชาเพียง 30 กรัม ทำให้ได้ผงมัทฉะที่ละเอียดพิเศษ
  • 6. การบรรจุและจัดจำหน่าย
  • มัทฉะที่บดแล้วจะถูกบรรจุในภาชนะสุญญากาศ เพื่อป้องกันแสง ความชื้น และอากาศ ซึ่งอาจทำให้คุณภาพของมัทฉะลดลง
  • จากนั้นจะถูกส่งออกไปยังตลาดทั่วไปดู

การผลิตมัทฉะเป็นกระบวนการที่พิถีพิถัน ตั้งแต่การปลูกแบบบังแดด การเก็บเกี่ยวอย่างประณีต ไปจนถึงการบดด้วยโม่หินแบบดั้งเดิม ทำให้ได้มัทฉะที่มีคุณภาพสูง สีเขียวสด กลิ่นหอม และรสชาติเข้มข้น

AI