“สมชัย ศรีสุทธิยากร” วิเคราะห์คดียุบพรรค เชื่อก้าวไกลไม่รอด ไร้สัญญาณบวก หากยุบก็ต้องตัดสิทธิ์กรรมการบริหาร มอง “นฤมล” ขึ้นนั่งหัวหน้าพรรคกล้าธรรม รอรับ “ธรรมนัส” ขน สส.พปชร.และก้าวไกลบางส่วนซบ หลังกระแสข่าวแรง พปชร.ถูกปรับออกพรรคร่วม
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง วิเคราะห์ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีพรรคก้าวไกลถูกร้องว่าจะถูกยุบหรือไม่ว่า ยังไม่มีสัญญาณบวก หรือ เป็นคุณกับพรรคก้าวไกล แม้จะมีสถานทูต 18 ประเทศสนับสนุนและแสดงความเห็นว่าไม่สมควรที่จะมีการยุบพรรคเกิดขึ้น ไม่ได้เสริมให้เปลี่ยนวิธีการคิดของตุลาการ และกระบวนการที่ทำมาตลอดเป็นเหมือนเรื่องที่เดินมาตั้งแต่เริ่มต้น ตั้งแต่คำวินิจฉัยของศาลที่พูดถึงพฤติกรรมในการล้มล้างการเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครอง อีกทั้งการที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชงเรื่องวันสุดท้ายให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเป็นเหมือน stories ที่เดินมาถึงช่วงท้ายแล้ว และคิดว่าจะออกมาเหมือนเดิม ส่วนที่หลายคนไปมองว่าจะไม่ยุบพรรคก้าวไกล แต่จะตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคนั้นส่วนตัวคิดว่าเป็นไปไม่ได้ กรณีจะยุบพรรคหรือตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 หากศาลวินิจฉัยว่าผิดจริงก็จะมีการยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค จะตัดสิทธิ์ก่อนยุบพรรคไม่ได้ ถ้ายุบก็ต้องตัดสิทธิ์ ไม่ยุบก็ไม่ตัดสิทธิ์
ส่วนกรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เดินทางไปที่ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อฟังคำวินิจฉัยด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้เกี่ยว หรือ มีสัญญาณบวกเพราะศาลจะต้องอ่านคำวินิจฉัยต่อหน้าผู้ที่ถูกกล่าวหา ส่วนจะไปหรือไม่ไป ก็เป็นสิทธิ์และคิดว่าว พรรคก้าวไกลก็เตรียมรับกับสถานการณ์ไว้หมดแล้ว เพียงแต่ต้องสร้างความชอบธรรมให้กับประชาชนรับรู้ให้มากที่สุดว่าการยุบพรรคดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เพื่อให้เป็นผลเดินเกมต่อไปในอนาคต และคิดว่าหากพรรคก้าวไกลถูกยุบคงจะไม่มีความเคลื่อนไหวหรือการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น เพราะการเมืองปัจจุบันไม่ได้รุนแรงถึงขั้นต้องลงถนนเหมือนเช่นที่ผ่านมา แต่หากพรรคก้าวไกลถูกยุบจริง สส.จะต้องหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า สส.ของพรรคก้าวไกลจะไปไม่เต็มทั้งหมด และจะแตกกระจายไปพรรคอื่น ขณะที่กระแสของพรรคก้าวไกลและคนที่สนับสนุนไม่ได้ออกมารุนแรงเหมือนอดีต
นายสมชัย ยังมองถึงการเปิดตัวหัวหน้าพรรคกล้าธรรมคนใหม่ ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย ขึ้นแท่นเป็นหัวหน้าพรรค เพื่อรอ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า นำสมาชิกมาอยู่หากรัฐบาลเอาพรรคพลังประชารัฐออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แต่ร้อยเอกธรรมนัสยังอาจจะอยากอยู่กับรัฐบาล จึงหาทางออกการไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ย่อมดีกว่าการไปอยู่ใต้ชายคาพรรคเพื่อไทย และอาจจะมี สส.บางคนจากก้าวไกลไปอยู่ด้วย เกมการเมืองจึงออกมาลักษณะนี้.