ศาลอุทธรณ์แก้โทษเหลือจำคุก”สุเทพ”แกนนำ กปปส.ปีเดียว ไม่รอลงอาญา นำมวลชัตดาวน์กรุงเทพฯปี’57 ส่วนพวกแกนนำอีก 14 ราย รับโทษลดหลั่นกันไป ส่วนที่เหลืออีก 19 คนยกฟ้อง
วันที่ 27 มิ.ย.2567 เวลา 09.00 น. ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.กับพวกแกนนำและแนวร่วม กปปส.รวม 39 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ, กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯคดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องระบุความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 23 พฤษจิกายน 2556 – 1 พฤษภาคม 2557 ต่อเนื่องกัน นายสุเทพ จำเลยที่ 1 ได้จัดตั้งคณะบุคคล ชื่อ “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” หรือ กลุ่ม กปปส. มีนายสุเทพ เป็นเลขาธิการ ร่วมกันมั่วสุมเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร กองกำลังแบ่งหน้าที่กันกระทำก่อความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ฐานเป็นกบฏเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง ทั้งอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ โดยร่วมกันยุยง ปลุกระดมให้ประชาชนทั่วประเทศกระด้างกระเดื่องร่วมชุมนุมขับไล่ ก่อความไม่สงบ
เพื่อขับไล่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส.ทั่วไป เพื่อมิให้นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ ให้ข้าราชการระดับสูงรายงานตัวกับกลุ่ม กปปส.จากนั้นจะแต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็นรัฐบาลประชาชน เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และ ครม.โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลเอง รวมทั้งจัดตั้งกองกำลังส่วนหนึ่งพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญต่างๆ หลายแห่ง เช่น ทำเนียบรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง) เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ รวมทั้งการปิดกั้น ขัดขวางเส้นทางคมนาคมขนส่ง เป็นเหตุให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนนอกจากนี้ ช่วงระหว่างวันที่ 13 มกราคม 2557 – 2 มีนาคม 2557 พวกจำเลยได้บังอาจปิดกรุงเทพมหานคร ด้วยการตั้งเวทีปราศรัยทั่วกรุงเทพฯ รวม 7 จุด ปิดกั้นเส้นทางการจราจร จัดตั้งกองกำลังรักษาพื้นที่ วางเครื่องกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้อง การกระทำของพวกจำเลยล้วนไม่ชอบด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงอำนาจบริหารตามรัฐธรรมนูญ เหตุเกิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเกี่ยวพันกัน
นายสุเทพกับพวกจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้รับการประกันตัว วันนี้ นายสุเทพ อดีต เลขาธิการ กปปส.และแกนนำ กปปส.ต่างทยอยเดินทางมาฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามนัด โดยมีมวลชนและบุคคลใกล้ชิดกว่า 100 คน เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมมอบช่อดอกไม้
นายสุเทพ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าฟังคำพิพากษา ว่า ไม่รู้สึกกังวล ไม่ว่าคำพิพากษาจะออกมาเป็นอย่างไรก็พร้อมน้อมรับ ตอนที่มีคำพิพากษาศาลชั้นต้น ซึ่งตนเองถูกสั่งจำคุก ก็ได้เข้าไปนอนเรือนจำ 2 คืนก่อนได้รับการประกันตัวออกมา หากคราวนี้ถูกสั่งจำคุกอีก ก็เตรียมเสื้อผ้า ชุดกางเกงขาสั้น มาไว้แล้ว พร้อมยกมือไหว้ขอบคุณมวลชนที่ยังคงให้กำลังใจมาจนถึงทุกวันนี้
คดีนี้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกจำเลยรายสำคัญ โดยศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ในส่วนความผิดฐานกบฏและก่อการร้าย พฤติการณ์ชุมนุมไม่มีการใช้กำลังประทุษร้ายบุคคลใด เพื่อล้มล้างการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ อำนาจบริหาร จึงไม่เป็นความผิดฐานกบฏ และก่อการร้ายโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และจำเลยอื่นรวม 26 คน ศาลพิพากษาจำคุกในความผิดฐานยุยงให้เกิดการหยุดงานเพื่อบังคับรัฐบาล, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา, ร่วมกันมั่วสุม 10 คนขึ้นไป, ร่วมกันบุกรุกสำนักงานผู้อื่นในเวลากลางคืน, ร่วมกันบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น และร่วมกันกระทำการโดยไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว พิพากษาแก้โทษ ให้จำคุกนายสุเทพ จำเลยที่ 1, นายชุมพล จุลใส จำเลยที่ 3, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ จำเลยที่ 4, นายอิสสระ สมชัย จำเลยที่ 5, นายถาวร เสนเนียม จำเลยที่ 7, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ จำเลยที่ 8, น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก จำเลยที่ 10, นายถนอม อ่อนเกตุพล จำเลยที่ 14, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข จำเลยที่ 15, พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ จำเลยที่ 16, นายสาธิต เซกัลป์ จำเลยที่ 17, เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ จำเลยที่ 24, นายคมสัน ทองศิริ จำเลยที่ 26, นายสาวิทย์ แก้วหวาน จำเลยที่ 29, อมร อมรรัตนานนท์ จำเลยที่ 34, นายกิตติชัย ใสสะอาด จำเลยที่ 37, ฐานยุยงปลุกปั่นฯ คนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา
นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 , 5 , 8 , 16 , 24 , 33 , 38 มีความผิดฐานขัดขวางการเลือกตั้ง ให้จำคุกคนละ 8 เดือน ขณะที่จำเลยที่ 10 , 14 , 17 , 38 มีความผิดฐานขัดขวางเลือกตั้ง จำคุกคนละ 8 เดือน แต่ให้รอลงอาญา รวมโทษจำคุก นายสุเทพ จำเลยที่ 1 รวม 1 ปี, จำคุก นายชุมพล จำเลยที่ 3 รวม 1 ปี 8 เดือน, จำคุกนายพุทธิพงษ์ จำเลยที่ 4 รวม 1 ปี, จำคุกนายอิสสระ จำเลยที่ 5 รวม 1 ปี 8 เดือน, จำคุกนายถาวร จำเลยที่ 7 รวม 1 ปี, จำคุก นายณัฎฐพล จำเลยที่ 8 รวม 1 ปี 8 เดือน, จำคุกนายสมศักดิ์ จำเลยที่ 15 รวม 1 ปี, จำคุกนายสุวิทย์ จำเลยที่ 16 รวม 1 ปี 8 เดือน, จำคุกเรือตรีแซมดิน จำเลยที่ 24 รวม 1 ปี 8 เดือน, จำคุกนายคมสัน จำเลยที่ 26 รวม 1 ปี, จำคุกนายสาวิทย์ จำเลยที่ 29 รวม 1 ปี, จำคุกนายสำราญ จำเลยที่ 33 รวม 8 เดือน, จำคุกนายอมร จำเลยที่ 34 รวม 1 ปี, จำคุกนายกิตติชัย จำเลยที่ 37 รวม 1 ปี ,
จำคุก น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 10 รวม 1 ปี ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา, จำคุกนายถนอม จำเลยที่ 14 รวม 1 ปี ปรับ 8,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา, จำคุกนายสาธิต จำเลยที่ 17 รวม 1 ปี โทษจำคุกให้รอลงอาญา ปรับ 8,000 บาท, จำคุกนางทยา จำเลยที่ 38 รวม 8 เดือน ปรับ 13,333 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา ส่วนจำเลยที่เหลืออีก 19 คน ให้ยกฟ้อง
ต่อมา นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของนายสุเทพ เปิดเผยว่า วันนี้ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษามีรายละเอียดค่อนข้างมาก แต่เท่าที่จดมาทันคือ ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหากบฎและก่อการร้าย พิพากษาลดโทษจำคุก นายสุเทพ กับพวก ที่เดิมโดนตั้งเเต่ 4 – 9 ปีเศษ ก็ลดกันมาเหลือคนละ 1 ปี – 1 ปีเศษ โดยนายสุเทพ กับนายถาวร เหลือคนละ 1 ปี แต่ไม่รอลงอาญา เหตุผลที่ศาลอุทธรณ์ลดโทษ เนื่องจากมองว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวเหตุต่อเนื่องกัน ต่างจากศาลชั้นต้นที่มองเป็นการกระทำหลายกรรมโทษเลยสูง โดยที่พิพากษาจำคุกไม่รอลงอาญาทั้งหมด 14 คน ส่วนรายอื่นก็มีพิพากษาแก้ยกฟ้อง และมีเพิ่มโทษ จำเลยที่ไม่รอลงอาญาขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นประกันในชั้นฎีกา ซึ่งคาดว่าศาลจะมีคำสั่งได้ในวันนี้เลยเนื่องจากศาลอุทธรณ์สามารถสั่งเองได้ แต่ขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าจะส่งศาลฎีกาหรือไม่ หลักทรัพย์เดิมเราเตรียมไว้พร้อมแล้ว
สำหรับรายชื่อจำเลยทั้งหมดคดี กปปส.ชุดใหญ่ 39 ราย ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ 2.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย 3.นายชุมพล จุลใส 4.นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ 5.นายอิสสระ สมชัย 6.นายวิทยา แก้วภราดัย 7.นายถาวร เสนเนียม 8.นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 9.นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ 10.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก 11.พลเอกปรีชา เอี่ยมสุพรรณ 12.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 13.นายยศศักดิ์ โกไศยกานนท์ 14.นายถนอม อ่อนเกตุพล 15.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข 16.พระพุทธะอิสระ หรือ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ 17.นายสาธิต เซกัลป์ 18.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี 19.พลอากาศโทวัชระ ฤทธาคนี 20. พลเรือเอกชัย สุวรรณภาพ 21.นายแก้วสรร อติโพธิ 22.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 23.นายถวิล เปลี่ยนศรี 24.เรือตรีแซมดิน เลิศบุศย์ 25.นายมั่นแม่น กะการดี 26.นายคมสัน ทองศิริ 27.พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ 28.นายนายพิภพ ธงไชย 29.นายสาวิทย์ แก้วหวาน 30.นายสุริยะใส กตะศิลา 31.นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด 32.พ.ต.ท.ภัทรพงศ์ สุปิยะพาณิชย์ 33.นายสำราญ รอดเพชร 34.นายอมร อมรรัตนานนท์ 35.นายพิเชษฐ พัฒนโชติ 36.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ 37.นายกิตติชัย ใสสะอาด 38.นางทยา ทีปสุวรรณ และ 39.นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง