งาน 120 ปีมัสยิดบ้านทางควายคึกคัก คนหลายพันร่วมงาน ดร.สุรินทร์ เน้นย้ำความสามัคคี เป็นพลังสร้างชาติ

วันแรกงานมัสยิดบ้านทางควายคึกคัก คนหลายพันคนร่วมงาน “ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ” เน้นสร้างความสามัคคีเป้นพลังในการร่วมกันพัฒนาชาติไทย ระบุ มุสลิมเป็นผู้ร่วมสร้างมาทุกยุคทุกสมัย

การจัดงาน มัสยิดยามิอุ้ลอิบาดะห์(บ้านทางคงาย) 120 ปี อัลญมณีแห่งประเวศบุรีรมย์ มีขึ้นระหว่างวันที่ 6-7 พฤษภาคม โดยในวันแรกบรรยากาศการจัดงานเป็นไปด้วยความคึกคัก มีการออกร้านคาเสื้อผา อาหารมากกว่า 50 ร้าน มีดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีตรมว.ต่างประเทศ เป็นประธานในพิธี แม้จะมีฝนโปรยปรายในช่วงบ่าย แต่งานยังดำเนินต่อไปด้วยความคึกคัก มีผู้มาร่วมงานหลายพันคน

นายสมพร หลงจิ ประธานคณะกรรมการจัดงานฯ กล่าวว่า มัสยิดยิมิอุ้ลอิบาดะห์ ก่อสร้างมาก่อนการขุดคลองประเวศบุรีรมย์ หลังปัจจุบันเป็นหลังที่ 3 ก่อสร้างแทนมัสยิดหลังเดิมที่เป็นมัสยิดไม้และมีสภาพเสื่อมโทรม เป็นมัสยิดแห่งที่ 2 ย่านประเวศ-สวนหลวง ก่อสร้างด้วยความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจเสียสละทรัพย์สินก่อสร้าง มีสัปบุรุษประมาณ 5,000 คน จาก 4 ชุมชน ประกอบด้วย ชุมชนประเวศฝั่งเหนือ-ใต้ ชุมชมสุเหร่าทางควาย ชุมชนบ้านสองห้อง การจัดงานเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในชุมชน หารายได้เพื่อกิจการมัสยิด การศึกษาเยาวชน การบรรยายธรรมเพื่อเพิ่มความรู้ให้กับสัปบุรุษ

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ได้บรรยายพิเศษ ระบุว่า ความสามัคคีเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นพลังในการสร้างสรรค์ สร้างชุมชน และประเทศชาติ

“มีความพยายามสร้างกระแสว่า พวกเราเป็นผู้มาอาศัย แต่โดยความจริง พวกเราเป็นผู้ร่วมสร้าง บ้านเมืองนี้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นผู้ร่วมกู้ชาติ และร่วมพัฒนาบ้านเมือง เป็นผูเเสียสละในหลายด้านๆด้าน เพื่อบ้านเมือง เพื่อประเทศชาติ อดีต เจ้าจอมมารดาเรียม มาราดาของรัชกาลที่ 3 เป็นมุสลิม แม่นมของรัชกาลที่ 5 ที่ตบาดขวัญ ก็เป็นมุสลิม ” ดร.สุรินทร์ กล่าว

ดร.สุรินทร์ กล่าวว่า มุสลิมถูกนำมาอยู่ตามชายคลองทางตะวันออกของพระนคร ก็เพื่อเป็นกันชน เวลากองทัพเขมร หรือญวน บุกเข้ามา มุสลิมเป็นทหารกล้าเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ปกป้องบ้านเมือง

“เราจึงเป็นผู้ร่วมสร้าง” ดร.สุรินทร์ กล่าว และว่า เหตุการณ์ในอดีตเป็นประวัติศาสตร์ที่ยืนยันว่า เราเป็นผู้สร้่าง และในปัจจุบันเราก็ยังเป็นผู้ร่วมสร้าง บรรดาเยาวชนมุสลิมที่จบมาจากประเทศต่างๆ เป็นบุคลากรที่สำคัญในการทำงานให้กับสถานเอกอัคราชทูตมุสลิมในประเทศไทย 14-15 แห่ง ถ้าไม่มีลูกหลานมุสลิมทำงาน สถานทูตมุสลิมเหล่านี้ ก็ขาดศักยภาพในการทำงาน ก็จะไม่ดีเท่าวันนี้

“ในยุคสมัยที่ การท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ หรือเมดิคอลทัวริสซึ่ม กำลังเฟื่องฟูมีมุสลิมจากอาหรับหลายแสนคนเดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เยาวชนมุสลิม มีส่วนสำคัญในการเป็นล่ามให้กับคนไข้อาหรับ ให้กับนักท่องเที่ยวอาหรับ เราจึงเป็นผู้สร้างมูลค่าให้กับประเทศชาติ” ดร.สุรินทร์ กล่าว

“สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ ความสามัคคี ความร่วมไม่ร่วมมือกันในชุมชน เพื่อเป็นพลัง เราจะมีพลังไม่ได้ หากขาดความสามัคคี ชุมชนบ้านทางควาย เป็นชุมชนที่มีการเจียรนัยเพชรพลอยที่มีชื่อเสียง ส่งไปขายตัวโลก เพชร มีหลายมุมจึงจะสะท้อนแสงที่สวยงาม เราจึงต้องมีความหลากหลาย ที่มีความแตกต่างที่ไม่แตกแยก จึงจะเป็นเพชรที่แพรวพราว สว่างไสว มีความสวยงาม และมีพลัง” ดร.สุรินทร์ กล่าวในที่สุด

ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ประธานในพิธี ได้บรรยายพิเศษ สังคมมุสลิมคือผู้ร่วมสร้างชาติ
เพชรจะต้องส่องประกายจากหลายเหลี่ยม จึงจะสวยงาม
สมพร หลงจิ ประธานจัดงาน กล่าวรายงาน
เอกรินทร์ อยู่บำรุง บรรยายพิเศษ
ผู้มีเกียรติร่วมงาน คุณพิพัฒน์ หลังปูเต๊ะ คุณสมพล รัตนาภิบาล คุณสมาน งามโขนง คุณเอกราช มูเก็ม คุณ บัญญัติ ทิพย์หมัด เป็นต้น
สามารถ มะลูลีม อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ มาร่วมดื่มน้ำชา
อ.ซุกรี บันบา อ่านกุรอ่านเปิดงาน

คณะกรรมการจัดงานถ่ายรูปกับดร.สุรินทร์

คนมาร่วมงานคึกคัก
อนาซ๊ด จากฟริ๊นออฟอนาชีด
การแสดงของเยานบ้านทางควาย