ปปง. ประกาศ!!! “เอนก ซานฟราน” ผู้สนับสนุนผู้ก่อการร้ายป่วนใต้ อายัดทรัพย์ทันที

ปปง.ประกาศ ”เอนก ซานฟราน”
บุคคลสนับสนุนเงินก่อการร้าย พร้อมแกนนำป่วนใต้5ราย อายัดทรัพย์ทันที

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)
ได้ส่งประกาศรายชื่อบุคคลเฝ้าระวังให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า
“ผู้ที่มีการกระทำอันเป็นการก่อการร้าย ตามมติของคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ซึ่งบุคคลเหล่านี้ ถูกกำหนดตามข้อห้าม มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย และการเผยแพร่ขยายอาวุธ ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง พ.ศ.2559”

โดยมีรายชื่อบุคคลที่เฝ้าระวัง คณะบุคคล และนิติบุคคล รวมถึงองค์กรบางแห่ง จำแนกเป็นบุคคลธรรมดา จำนวน 254 ราย นิติบุคคล 75 ราย รวมทั้งสิ้น 329 ราย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคมที่ผ่านมาซึ่ง ปปง.ได้ส่งประกาศให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อคอยเฝ้าระวัง พร้อมเร่งขยายผลหาผู้ที่อาจมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลตามรายชื่อเหล่านี้ต่อไป

นอกจากนี้ ปปง.ยังกำหนดเพิ่มเติม ให้ 6 คนไทย เป็นบุคคล ตามมาตรา 7 ของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว ซึ่งระบุว่า เป็นบุคคลที่มีเหตุอันสงสัย และมีหลักฐานอันสมควรว่า มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย หรือสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ซึ่งก่อนหน้านี้มีการประกาศรายชื่อคนไทยไปแล้ว 87 รายชื่อ

โดย 6 รายชื่อล่าสุด แบ่งเป็นผู้เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงทางภาคใต้ของไทย 5 คน ประกอบด้วย
1.นายมูฮำมัด ขาเดร์
2.นายอาแว สามะ
3.นายมาหะมะซอบือรี กรือสง
4.นายอารง ดือราแม
5.นายไรนาอาบีเด็ง สามะ และ
อีก 1 คนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดทางการเมืองที่ผ่านมา คือ
นายมนูญ ชัยชนะ หรือ
”เอนก ซานฟราน”
คนเสื้อแดงหัวรุนแรง ที่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา ทางการไทย เคยประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน กับทางการสหรัฐฯ มาแล้ว แต่เรื่องเงียบไป ก่อนกลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจาก ปปง.ประกาศให้เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย อย่างเป็นทางการ

โดยท้ายประกาศดังกล่าว ระบุว่า ให้เจ้าหน้าที่เข้าไประงับเกี่ยวกับทรัพย์สินของคนไทย ที่ถูกกำหนดรายชื่อทันที หรือขยายผลหาผู้ถือครองทรัพย์สินแทน ก่อนแจ้งให้ผู้ที่เคยทำธุรกรรมกับบุคคลเหล่านี้รับทราบ หากผู้ใดฝ่าฝืน ทั้งถือครองทรัพย์สินแทน หรือยังทำธุรกรรมกับบุคคลดังกล่าว ถือว่ามีความผิด ตามมาตรา 23 , 24 , 25 ของพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว

Cr . matichon