“อนุทิน” ยันไม่ก้าวก่าย สาธารณสุข หลังตั้งธง จะเอา “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติด แต่ขอให้ยึดตามหลักวิชาการ ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ชี้ที่ผ่านมา ถูกโยงนำเป็นประเด็นการเมือง
วันที่ 4 มิถุนายน 2567 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงประเด็นกัญชาว่า มันเป็นเรื่องของกระทรวงสาธารณสุข ผู้ที่สนับสนุน ไม่สนับสนุน ให้ไปว่ากันตามหลักวิชาการ
ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า จะเป็นปัญหาพรรคร่วมหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า เรื่องนั้น ไม่ได้คิด คิดแต่ว่ามันจะเป็นปัญหาของพี่น้องประชาชนรึเปล่า เรื่องพรรคเรื่องเล็ก เรื่องประชาชน เรื่องใหญ่ มันก็ต้องมองถึงประโยชน์ และคุณค่าที่ประชาชนจะได้ ให้ไปถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ผู้สื่อข่าวถามต่อ ว่าความพยายามนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เป็นการดิสเครดิตภูมิใจไทยหรือไม่ ก็อย่าเอากัญชาเป็นการเมือง จะบอกว่าดิสเครดิตไหม คิดว่าไม่ ถ้าดิสเครดิต เท่ากับรัฐบาลถูกดิสเครดิต ทำทำไม ที่ได้คือ การแตกสามัคคี ไม่เป็นผลดีกับใครเลย ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง มาชี้แจง อย่างเมื่อ 2 ปีก่อน ตนต้องลงนามถอดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด ตนลงนามในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยคณะกรรมการ ปปส.ให้ถอด ข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ วันนี้ ถ้าจะต้องเปลี่ยน ก็ต้องมีข้อมูลใหม่ แล้วข้อมูลปัจจุบน ต่างกับข้อมูลเมื่อ 2 ปีที่แล้วอย่างไร ถึงจะเอากลับไปเป็นยาเสพติด ก็ต้องชี้แจงกันมา
สิ่งที่มันขาดคือกฎหมาย มันมีร่างพระราชบัญญัติ ทำไม ไม่มีใครพูดเรื่องพระราชบัญญัติควบคุมเลย พูดแต่จะเอากลับไปเป็นยาเสพติด ความรอบรู้ข้อมูลมีเท่าไร เรื่องเพิ่มค่ารักษา ตนก็พูดได้ว่าคนที่รักษาแล้วใช้กัญชาแล้วมันดี ก็มีมาก ข้อมูลเท่านั้นแหละที่ดีที่สุด ตนเห็นใจข้าราชการการกระทรวงสาธารณสุข เพราะทุกคนที่อยู่ในระดับผู้บริหาร คือ คนที่เขาผลักดันกัญชาออกจากยาเสพติด
นักข่าวถามย้ำ จะไปคุยกับข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขไหม นายอนุทิน ตอบว่า “ไม่คุย ไม่ก้าวก่าย นี่คือ การรักษามารยาท แต่โดยส่วนของพรรค เราก็ทำให้ได้เรียบร้อยแล้ว สร้างประโยชน์มากมาย มีการลงทุนเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน ใครจะเอากลับไปก็ต้องไปคุยกับทางผู้ประกอบการ ผู้ป่วย คนที่ทำถูกกฎหมาย
ขอย้ำว่าอย่าเอากัญชาเป็นการเมือง แล้วก็มีร่างพระราชบัญญัติที่ใช้ได้ จะเอาร่างภูมิใจไทยก็ได้ หรือจะเอาร่างของกระทรวงฯ ที่ท่านอดีตรัฐมนตรีทำไว้ ก็ได้หมด กฎหมาย คือ ทางออกของทุกอย่าง ที่มันวุ่น เพราะไม่ออกกฎหมาย ทีบุหรี่ไฟฟ้า มาเร่งให้ออกกฎหมาย”