“เศรษฐา” ป้อง “อุ๊งอิ๊ง” ปม ธปท. เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ แค่สะท้อนความเดือดร้อนจากเสียงประชาชน ยัน ไม่ได้บีบบังคับแบงก์ชาติ ให้เกียรติทุกองค์กร เตรียมคุย รมว.คลัง หาทางทำงานร่วมกันให้ดีขึ้น
วันที่ 5 พ.ค.2567 เวลา 09.10 น.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ก่อนเดินทางไปตรวจราชการจังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด ระหว่างวันที่ 5-6 พฤษภาคม 2567 ถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) พูดบนเวที “10 เดือนที่ไม่รอทำต่อให้เต็ม 10” ระบุ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นเศรษฐกิจ ว่า ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าเรื่องดอกเบี้ยเป็นเรื่องสำคัญ เป็นรายจ่ายที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ดังนั้นที่ น.ส.แพทองธาร พูด เป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนมากกว่านายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวเข้าใจในความอิสระของแบงก์ชาติ มั่นใจว่าทำงานร่วมกันและให้เกียรติมาโดยตลอด เมื่อมีข้อเรียกร้องจึงได้เรียกร้อง เมื่อต้องพูดคุยก็พูดคุยกับเรื่องดอกเบี้ยที่เห็นว่าควรต้องปรับลดลง แต่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็มีเหตุผลที่จะไม่ปรับลด รัฐบาลจึงต้องเดินหน้าพูดคุยกับ 4 ธนาคารใหญ่เพื่อให้ลดดอกเบี้ยลง ซึ่งเชื่อว่าเป็นการทำงานยึดโยงกับประชาชนจากที่ลงพื้นที่รับฟังมาโดยตลอด และการลงพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม และจังหวัดร้อยเอ็ด จะรับฟังปัญหานี้ต่อไป
“ความเป็นอิสระก็เรื่องหนึ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าการมาอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ สถาบันการเงิน นักการเมือง เรามาอยู่เพื่อประชาชน แต่วิธีการแก้ไขปัญหาแตกต่างกันไป ทุกคนมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์กันได้” นายเศรษฐา กล่าวขณะเดียวกัน ยังได้เผยต่อไปว่า มีความกังวลกับทุกเรื่อง รวมถึงผลกระทบจากความคิดเห็นที่เกิดขึ้น เพราะไม่อยากให้มีความขัดแย้ง จึงพยายามแก้ไขปัญหาในส่วนที่สามารถทำได้เหมือนคำแนะนำที่ ผู้ว่าการแบงก์ชาติระบุว่า การประสานระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลควรดำเนินการผ่านสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) หรือหน่วยงานกระทรวงการคลัง ซึ่งต้องมีการพูดคุยกันต่อไป เนื่องจากมีความเห็นแตกต่างกันชัดเจนเรื่องดอกเบี้ย เพราะการลดดอกเบี้ยแค่ 1 สลึงหรือ 50 สตางค์ก็มีส่วนช่วย โดยวันนี้จะไปรับฟังปัญหาเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน ดังนั้น วิธีการสื่อสารอาจแตกต่างกันไป
นายกรัฐมนตรี ยืนยันด้วยว่า รัฐบาลให้เกียรติทุกองค์กร โดยหลังจากนี้จะมีการหารือกับ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ว่าจะสามารถประสานพูดคุยกับแบงก์ชาติได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น เพราะหากขัดแย้งกันแล้วประชาชนเดือดร้อนก็จะไม่ดี ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันแต่ก็มีวิธีอื่นที่สามารถประสานพูดคุยกันได้ ส่วนประเด็นที่ฝ่ายค้านมองว่าเวทีของพรรคเพื่อไทยเป็นการบีบแบงก์ชาติให้เห็นด้วยกับรัฐบาลนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันไม่เคยบีบใคร เป็นแค่การสะท้อนความต้องการของประชาชน.