เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2560 เวลา 14.30 น. ณ ห้องสีฟ้า ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล อาจารย์คัมภีร์ ดิษฐากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักจุฬาราชมนตรี และผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลามได้นำนักศึกษาหลักสูตร “พัฒนาภาวะความเป็นผู้นำศาสนายุคใหม่” หลักสูตรที่ 1 ประจำปี 2560 จำนวน 39 คน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรับใบประกาศนีบบัตรในโอกาสที่จบหลักสูตร
นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ กล่าวรายงานว่่า หลักสูตร “พัฒนาภาวะความเป็นผู้นำศาสนายุคใหม่” หลักสูตรที่ 1 รุ่นที่ 1 ประจำปี 2560 เป็นดำริของจุฬาราชมนตรี ที่ต้องการพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลามมีการพัฒนาในหลายๆด้าน นอกจากความรู้ด้านศาสนาแต่รวมถึงด้าน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และหลักการบริหาร ประกอบกับคสช. ได้มีคำสั่งที่ 49/2559 เรื่องมาตรการคุ้มครองและป้องกันศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย จึงได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลามขึ้นมา เพื่อร่วมมือกับภาครัฐในการนำพาและรักษาเอกราชของชาติไทย ในการพัฒนาการเมือง เศรษฐกิจการปกครอง และให้ศาสนามีความสำคัญในการดำเนินการต่างๆเหมือนในอดีต
โครงการพัฒนาพัฒนาภาวะความเป็นผู้นำศาสนาอิสลามรุ่นที่ 1 หลักสูตรที่ 1 มีผู้เข้าร่วมอบรม 39 คน มีการอบรม 60 ชั่วโมง ครอบคลุมทั้งด้านศาสนา เศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งวิถีเศรษฐกิจพอเพียง
พล.อ.ธนศักดิ์ ได้กล่าวให้โอวาทสรุปว่า เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมที่มีการจัดตั้งหลักสูตรขึ้นมา พัฒนาบุคคลากรให้มีความรู้ มีศักยภาพ
“ศาสนาอิสลามถือเป็นศาสนาที่เข้มแข็งศาสนาหนึ่ง การสอน การแนะนำให้เป็นคนดี มีความเข้มแข็ง ถือว่า มีพลัง ผมมีเพื่อนที่เป็นมุสลิมมาก ในต่างประเทศ เวลาไปเยี่ยมเยือนก็จะอยู่ในมัสยิด จนเห็นว่ามัสยิดทุกแห่งมีความสำคัญ และที่ประทับใจมาก คือ คัมภีร์อัลกุรอ่าน บอกให้ ผู้นำศาสนาจำ แล้วสอน เพื่อนที่เป็นผู้นำศาสนา บอกว่า เป็นสิ่งที่ไม่ต้องทดลอง แต่แสดงให้ดู สามารถท่องจำได้หมด และไม่ว่า โลกนี้จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรศาสนาอิสลามจะไม่มีวันล่มสลาย เพราะคัมภีร์อยู่ในใจของทุกคนหมดแล้ว” พล.อ.ธนศักดิ์ กล่าวและว่า สิ่งที่ประทับใขจอีกสิ่งหนึ่ง เวลามีงานบุญ อิสลามจะสวดให้กับประเทศ ศาสนาอื่นจะไม่ค่อยมี
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้คณะนักศึกษาได้มีการนำองค์ความรู้ ด้านการบริหารจัดการองค์กรไปต่อยอดให้เป็นผู้นำยุคใหม่ที่มีความเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนองค์กรและชุมชนให้มีศักยภาพ
“ขอบคุณสำนักจุฬาราชมนตรีที่ได้สนองตอบมาตรการดังกล่าวตามนโยบายของ คสช. และรัฐบาล จึงได้จัดตั้งสถาบันพัฒนาผู้นำศาสนาอิสลาม พร้อมได้รับการสนับสนุนจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และสำนักจุฬาราชมนตรี รวมทั้งได้นำหลักการเศรษฐกิจพอเพียง มาผสมผสานกับหลักการศาสนาได้อย่างลงตัว และที่สำคัญได้สร้างความเข้าใจในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีการเอื้ออาทรต่อกัน ถ้าชุมชนมีความสุข ส่วนรวม ประเทศ โลก ก็มีความสุขด้วย
“ผู้นำที่มีความรู้ความเข้าใจ ในสิทธิและหน้าที่ของการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้นำพาประเทศชาติ ไปสู่ความก้าวหน้าอย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และน้อมนำพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ตามเจตนารมณ์ของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”
พล.อ.ธนศักดิ์ ได้กล่าวสนับสนุนให้มีโครงการอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐพร้อมให้การสนับสนุน และได้ให้เกียรติถ่ายภาพเป็นที่ระลึกร่วมกับคณะนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาอย่างเป็นกันเอง
ก่อนหน้านี้ ผู้เข้าอบรมพัฒนาภาวะความเป็นผู้นำศาสนายุคใหม่ ได้เข้าเยี่ยมชมและเรียนรู้การทำงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเข้าฟังการอภิปรายในห้องประชุมสภา และฟังการบรรยายสรุปการทำงาน และฟังโอวาทของนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
รองประธานสภาฯ กล่าวว่า เป็นมิมิตรหมายที่ดีที่มีหลักสูตรนี้ เพื่อพวกเราจะได้พัฒนาตัวเอง พัฒนาความเป็นผู้นำ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศไทยโดยรวมต่อไป
สนช.กำลังจะออกกฎหมายกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อกำหนดทิศทางของประเทศ เมื่อประกาศใช้แล้วพวกท่านจะได้เข้ามาร่วมทำงานตามยุทธศาสตร์ให้ชุมชน และประเทศมีความก้าวหหน้าต่อไป” นายสุรชัย กล่าว