อิหม่ามชี้แจงเหตุผล ทำไมต้องปิดมัสยิดตัวเมืองแพร่ ระบุ รอให้จตุฬาราชมนตรีวินิจฉัยว่าที่ดินสามารถใช้เป็นมัสยิดได้หรือไม่ ต้องการให้การละหมาดได้รับการตอบรับ
สังคมมุสลิมจังหวัดแพร่ได้วิพากษ์วิจารณ์การปิดมัสยิดจังหวัดแพร่ไม่ให้มุสลิมเข้าไปละหมาด โดยปิดล็อคประตูแน่นหนา พร้อมเขียนข้อความ ระบุว่า ประกาศจากอิหม่ามัสยิดเด่นชัย ห้ามผู้ใดผู้หนึ่งบุกรุกเข้าไปทำพการใดๆ ในสุสานนี้โดยเด็ดขาด ถ้าฝ่ายฝืนจะดำเนินคดีขั้นต่อไป ส่วนอีกด้านหนึ่งติดป้ายสุสานมุสลิม ภายในเป็นสถานที่ฝังศพพี่น้องมุสลิม และมีอาคาร 2 หลังก่อสร้างตามรูปทรงของมัสยิด
จากการโทรศักท์สอบถามนายอับดุลฮาลีม อุดม อิหม่ามประจำมัสยิดเด่นชัย จ.แพร่ เปิดเผยว่า มัสยิดเด่นชัย เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์สุสานอิสลามที่จ.แพร่ หลังจากเข้ารับตำแหน่งอิหม่าม เมื่อปีที่ผ่านมา จึงได้ปิดมัสยิดที่จังหวัดแพร่ เพราะมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า ที่ดินวากั๊ฟเป็นกุโบร์ สามารถใช้เป็นมัสยิดได้หรือไม่ ไม่อยากให้การละหมาดไม่ได้รับการตจอบรับ หากวินิจฉัยว่า ใช้ไม่ได้ ขณะนี้ ได้ยื่นหนังถือให้จุฬาราชมนตรีแล้ว ตอนที่เดินทางทางปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดลำปาง รอคำวินิจฉัยของจุฬาราชมนตรีก่อน
‘ที่ดินบริเวณสุสานอิสลาม ใจกลางเมืองแพร่ จำนวน 4 ไร่ ทั้งหมดบรรพบุรุมุสลิมจ.แพร่หลายคนได้บริจาคให้เป็นสถานที่ฝังศพมุสลิม(กุโบร์) รวมทั้งปู่ของผม ก่อนที่ผมเข้ารับตำแหน่งอิหม่ามได้มีการกั้นผนังศาลาเป็นอาคารมัสยิด ต่อมามีการสร้างอาคารสีขาวเพื่อเป็นมัสยิด โดยอิหม่ามคนก่อนเห็นด้วย เมื่อผมมาเข้ามาเป็นอิหม่ามเห็นว่า มีปัญหาศาสนาที่จะต้องวินิจฉัยว่า พื้นที่ๆได้วากั๊ฟให้เป็นสถานที่ฝังศพ สามารถใช้เป็นมัสยิดได้หรือไม่ จึงไม่อนุญาตให้มีการละหมาด แต่ยังเข้ามาฝังศพได้ตามปกติ’ อิหม่ามประจำมัายิดเด่นชัย กล่าว
ที่มีการวิจารณ์กันเยอะว่า มีปัญหามรดกบ้าง ลูกหลานคนวากั๊ฟต้องการที่ดินคืนบ้างนั้น อิหม่ามมัสยิดเด่นชัย กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง ที่ดินมีเอกสารสิทธิ์ถือกรรมสิทธิ์โดยมัสยิดเด่นชัย แต่มีปัญหาการวินิจฉัย เมื่อจุฬาราชมนตรีวินิจฉัยออกมาเช่นไรก็จะปฏิบัติตาม ตอนนี้ก็ให้พี้่น้องมุสลิมไปละหมาดที่มัสยิดเด่นชัยก่อน ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแพร่เท่าไหร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดมัสยิดจังหวัดแพร่ทำไม หลังสังคมวิจารณ์ ฟังอิหม่ามตอบคำถาม
สำหรับมุสลิมจังหวัดแพร่ ได้อาศัยในพื้นที่มายาวนาน 200 ปี โดยส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างประเทศเข้ามาทำไม้กับบริษัทอังกฤษ ต่อมาก็มีมุสลิมจากพื้นที่ต่างๆ อพยพเข้ามาอาศัย ทั้งชาวต่างประเทศและคนไทย ต่อมาได้เกิดกรณีกบฎเงี้ยว ทางการให้มีการลงทะเบียนมุสลิมจำนวนหนึ่งได้อพยพออกไป ปัจจุบันมีมุสลิมในตัวเมืองแพร่ไม่มีนัก จำนวน 10 กว่าหลังคาเรือน