“หริรักษ์ สูตะบุตร” อดีตรองอธิการบดี มธ. โพสต์ ละเอียดยิบ!ยกเหตุผล 14 ข้อ ไขข้อสงสัย สาธารณชน ชาติมหาอำนาจหนุน”ก้าวไกล”จริงหรือไม่ ??
วันที่ 28 พฤษภาคม 2566 รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr มีเนื้อหาดังนี้…
5 ปีที่แล้วหากบอกว่า สหรัฐอเมริกาแทรกแซงการเมืองไทยด้วยการให้การสนับสนุนพรรคการเมืองที่ยืนอยู่ข้างสหรัฐอเมริกาเพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล จะไม่มีใครเชื่อ นอกจากไม่เชื่อแล้วยังมองว่าคนที่พูดบ้าไปแล้ว ดูหนังมากไปหรือไม่ แต่วันนี้ มีคนที่เชื่อเรื่องนี้มากขึ้นทุกวัน มากจนกระทั่งคุณรังสิมันต์ โรม มีความวิตก ออกมาชี้แจงและปฏิเสธว่า เป็น fake news เป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลพรรคก้าวไกลจะยอมให้ต่างชาติมาตั้งฐานทัพในประเทศไทย คุณวิโรจน์ ลักณาอดิศรก็ตอบโต้ว่า เป็นนิทานหลอกเด็ก เป็นอุปทานหมู่
ระยะนี้ จึงมีคนถามกันมากว่า การแทรกแซงประเทศไทยโดยชาติมหาอำนาจด้วยการให้การสนับสนุนพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งก็หมายถึงพรรคก้าวไกลให้ชนะการเลือกตั้งเพื่อได้เป็นรัฐบาล เป็นความจริงหรือไม่ มีหลักฐานหรือไม่
คำตอบคือ ไม่มีใครที่เป็นคนนอกบอกได้ 100% หลักฐานมีหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าหลักฐานแบบจับให้มั่นคั้นให้ตายคงไม่มี แต่มีเหตุการณ์ และข้อเท็จจริงต่างๆที่เกิดขึ้นเ จนทำให้มีความน่าเชื่อมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่นี้จึงจะลองรวบรวมเหตุการณ์และข้อเท็จจริงต่างๆเท่าที่ทำได้ โดยจะเลือกเฉพาะที่เป็นจริงเท่านั้นมาให้ลองพิจารณากัน
1. คุณธนาธรได้ว่าจ้าง APCO Worldwide ซึ่งเป็นบริษัทลอบบี้ยิสต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กค ถึง 31 ธค 2562 เป็นเงินประมาณ 1.8 ล้านบาท โดยบอกว่าใช้เงินส่วนตัว เพื่อช่วยให้ข้อมูลแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและให้บริการด้านกลยุทธ์การสื่อสารในประเทศสหรัฐอเมริกาให้กับผู้ว่าจ้าง เพื่อให้ผู้คนในสหรัฐฯได้ตระหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและสังคมในประเทศไทยดียิ่งขึ้น และให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง และให้บริการด้านการสื่อสารในฐานะตัวแทนของผู้ว่าจ้าง ประสานงานกับสื่อมวลชนและองค์กรในสหรัฐฯเพื่อสร้างความตระหนักมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองและสังคมในประเทศไทย
คุณธนาธร เมื่อไปสหรัฐอเมริกา ได้ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สำนักข่าว NBC ยกย่องสหรัฐอเมริกาและแสดงความต้องการให้สหรัฐอเมริกาช่วยสร้างสังคมไทยให้ดีขึ้น และเมื่อก่อนการเลือกตั้ง 2562 คุณธนาธรเสนอความคิดเรื่องการใช้ hyperloop แทนรถไฟความเร็วสูงซึ่งขณะนั้นรัฐบาลกำลังเจรจากับจีน คุณธนาธรให้ข่าวว่าจะออกเงินเองเพื่อศึกษาความเป็นไปได้(feasibility study)ของ hyperloop แต่ไม่มีใครเคยได้เห็นรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ฉบับนั้นแต่อย่างใด เมื่อมีการจัดแถลงข่าวเรื่อง hyperloop คุณธนาธรตอบคำถามนักข่าวต่างชาติว่า รัฐบาลไทยเอนเอียงไปทางจีนมากเกินไป จึงต้องการให้มีการปรับความสัมพันธ์กับต่างประเทศใหม่ ใช้คำว่า “realign”โดยให้หันไปทางประเทศอื่นเช่น สหรัฐอมเริกาและญี่ปุ่นให้มากขึ้น
2. เมื่อคุณธนาธรต้องไปรับทราบข้อกล่าวหากรณียุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 ที่สน.ปทุมวัน มีเจ้าหน้าที่สถานทูตจากประเทศตะวันตกหลายประเทศ ต่างไปร่วมสังเกตการณ์กันอย่างเนืองแน่น ซึ่งปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต
3. นาย Robert F. Godec ก่อนเดินทางมารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการต่างประเทศ วุฒิสภาสหรัฐก่อนเดินทางมารับตำแหน่งว่า จะช่วยให้ประเทศไทยปรับปรุงในเรื่องสิทธิมนุษยชนภายในประเทศ และจะให้ไทยร่วมกดดันเมียนมาร์ด้วย เมื่อมีวุฒิสมาชิกตั้งกระทู้ถามเรื่องมาตรา 112 ที่ส่งผลถึงเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และมีผู้ถูกจับกุมคุมขังมากมาย นาย Godec กล่าวว่า
“สหรัฐให้ความเคารพต่อราชวงศ์ไทย และเข้าใจในความจงรักภักดีของคนไทยต่อราชวงศ์ แต่เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นมีความสำคัญอย่างยิ่ง และเขาเคยเน้นย้ำต่อสาธารณะและโดยส่วนตัวว่า ที่ประชาชนจะแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรีโดยไม่ต้องกลัวการถูกจับกุม และจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” และยังกล่าวต่อไปว่า
” ผมขอย้ำว่า คนที่ถูกจับกุมจะต้องได้รับการปฏิบัติโดยเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเต็มที่ในระหว่างการดำเนินคดี”
นอกจากนี้นาย Godec ยังกล่าวว่า จะกดดันให้ไทยลดการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติและน้ำม้นจากพม่า และจะพยายามให้ไทยเพิ่มแรงกดดันต่อพม่า เพื่อหยุดการกระทำอันเหี้ยมโหดของรัฐบาลเมียนมาร์ อีกด้วย
4. คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีช่วงท้ายที่ว่า นายกรัฐมนตรีทำลายศักยภาพของประเทศไทยในต่างประเทศเพราะไม่เข้าไปกดดันรัฐบาลเมียนมาร์ และทำลายศักยภาพของประชาชน เนื่องจากใช้มาตรา 112 ดำเนินการจับกุมคุมขังผู้ที่แสดงออกทางความคิด อันเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยเสรีของประชาชนเหล่านั้น เนื้อหาในการอภิปราย 2 ข้อนี้ตรงกับที่ว่าที่เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยแสดงความคิดเห็นก่อนเดินทางมารับตำแหน่งอย่างไม่ผิดเพี้ยน
5. เป็นที่น่าสังเกตว่า สื่อในประเทศไทยที่อยู่ข้างม็อบ 3 นิ้ว ส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรจากต่างประเทศโดยเปิดเผย เช่น จาก NED หรือ National Endowment for Democracy, Open Society Foundation, USAID, Freedom House เป็นต้น องค์กรต่างๆเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นองค์กรที่เกี่ยวข้องกับเประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งสิ้น Open Society foundation มี George Soros เป็นผู้ก่อตั้ง NED เป็นองค์กรที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกา แต่เดิมการให้การสนับสนุนทั้งเงิน และการสนับสนุนแบบอื่นๆให้แก่กลุ่มต่างๆในต่างประเทศเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ หรือ national interest ของสหรัฐอเมริกา จะกระทำอย่างลับๆโดย Central Intelligent Agency หรือ CIA แต่ในสมัยประธานาธิบดี Lyndon B Johnson ต้องการให้เป็นการสนับสนุนอย่างเปิดเผย จึงให้จัดตั้ง NED ขึ้นให้เป็นองค์กรเอกชนเพื่อให้การสนับสนุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและการเติบโตของสถาบันทางประชาธิปไตยทั่วโลก
6. คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับเชิญไปพูดในการประชุมที่เรียกว่า Oslo Freedom Forum ที่ไต้หวัน ซึ่งคุณธนาธรได้เลือกที่จะพูดในหัวข้อ
“Why we must defend democracy” หรือทำไมเราต้องปกป้องประชาธิปไตย
Oslo Freedom Forum คือที่ประชุมที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2009 ที่ Oslo เพื่อเป็นที่รวมตัวกันของนักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชน และนักประชาธิปไตย เพื่อต่อสู้กับเผด็จการ หลังจากนั้นก็ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ครั้งล่าสุดจัดขึ้นที่ไต้หวัน
ผู้จัดการประชุม Oslo Freedom Forum คือมูลนิธิสิทธิมนุษยชน( Human Rights Foundation) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ New York สหรัฐอเมริกา
แหล่งเงินทุนที่ให้การสนับสนุนมูลนิธิสิทธิมนุษยชน มาจากทั้งภาคเอกชน เช่น Twitter และ Amazon เป็นต้น และยังมาจากองค์กรที่เรียกว่า Freedom Fund ซึ่งหากค้นลึกลงไปก็จะพบว่าองค์กรแห่งนี้ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา และรัฐบาลอังกฤษ นั่นเอง
Oslo Freedom Forum ไม่ใช่เพียงจัดประชุมปีละครั้ง แต่ยังจัดกิจกรรมต่างๆระหว่างปีด้วย หนึ่งในกิจกรรมก็คือ จัดอบรมวิธีการทำปฏิวัติ(ไม่ใช่รัฐประหาร) และการจัดการชุมนุม หรือจัดม็อบ การรับมือกับตำรวจควบคุมฝูงชนให้กับนักเคลื่อนไหวที่ต่อต้านรัฐบาลจากประเทศต่างๆ นักเคลื่อนไหวชาวฮ่องกงที่ชื่อนาย โจชัว หว่อง ก็เคยเข้ารับอบรมดังกล่าวนี้
การประชุมครั้งนี้ที่ไต้หวัน ยังได้มีการนำภาพของผู้นำของประเทศที่ถูกคนกลุ่มนี้ตราหน้าว่าเป็นเผด็จการมาติดผนังไว้ให้ผู้ที่เข้าร่วมประชุมเขียนอะไรก็ได้บนภาพของผู้นำเหล่านี้
7. เมื่อมีการชุมประท้วงรัฐบาลประเทศอิหร่าน คุณธนาธรออกมาแสดงความเห็นสนับสนุนผู้ประท้วง จนสถานทูตอิหร่านต้องโพสต์ข้อความเตือนคุณธนาธร แต่คุณธนาธรไม่เคยออกมาแสดงความเห็นต่อต้านอิสราเอล กรณีปาเลสไตน์เลยสักครั้ง
8. ม็อบชานม ซึ่งก็เป็นส่วนหนึ่งของม็อบ 3 นิ้ว เชียร์ไต้หวัน ฮ่องกง และอุยกูร์ ชัดแจ้งว่าต่อต้านจีน แต่สนับสนุนสหรัฐอเมริกา
9. Dr. Agnes Callamard เลขาธิการองค์การนิรโทษกรรมสากลหรือ Amnesty International ชาวฝรั่งเศสมาเมืองไทย ในช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้งทั่วไป และได้แสดงปาฐกถาเกี่ยวกับประเทศไทย เนื้อความที่สำคัญที่ Dr. Callamard กล่าวคือ
“ช่วงสำคัญของการมาเมืองไทยครั้งนี้ คือการพบกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมประท้วง พวกเขาต้องการสร้างประเทศที่แข็งแกร่งและเป็นธรรม แต่เมื่อได้ถามว่า พวกเขาได้มองอนาคตของตัวเองไว้อย่างไร เขาตอบว่า ‘ไม่มีอนาคคสำหรับเราที่นี่’ นั่นทำให้ดิฉันมีความกังวลอย่างมาก และคิดว่า ผู้นำประเทศควรมีความห่วงใยอย่างมาก เยาวชนคนรุ่นใหม่จำนวนมาก มีความรู้สึกว่า พวกเขาไม่มีอนาคตก็เพราะการถูกปราบปราม ความไม่เท่าเทียมกัน การทุจริตคอรัปชั่นและความไม่ยุติธรรม และสิ่งเหล่านี้ต้องเปลี่ยนแปลง”
“เด็กๆและเยาวชนเป็นร้อยๆ รวมทั้งนักกิจกรรมทางการเมือง และนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กำลังเผชิญกับการถูกดำเนินคดีทางอาญาในประเทศไทย เพียงเพราะการใช้สิทธิ เสรีภาพในการแสดงออก และการประท้วงอย่างสันติ จำนวนมากถูกลลิดรอนสิทธิเสรีภาพและอาจต้องเผชิญกับการถูกบันทึกลงประวัติอาชญากร รวมถึงเด็กอายุ 15 ปี ที่ยังคงถูกคุมตัวอยู่ในสถานพินิจมาเป็นเวลา 2-3 สัปดาห์แล้ว”
เนื้อความเหล่านี้ล้วนสอดคล้องและเป็นชุดความคิดเดียวกันกับม็อบ 3 นิ้ว และพรรคก้าวไกลทั้งสิ้น
10. สว.สมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค ได้เชิญเอกอัครราชทูต สหรัฐอเมริการประจำประเทศไทย นาย Robert F. Godec และคณะเข้าหารือที่วุฒิสภา กรณีมีคนไทยกลุ่มหนึ่งส่งเอกสารถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และวุฒิสมาชิกกลุ่มหนึ่งเป็นผลให้วุฒิสมาชิกกลุ่มนี้เคลื่อนไหวเพื่อยื่นเรื่องให้วุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาออกมติที่ 114 ซึ่งมีเนื้อหาข่มขู่ กล่าวหา สถาบันพระมหากษัตริย์ว่า แทรกแซงการเลือกตั้งทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเลือกตั้ง ตลอดจนเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 หากไม่ทำตามก็จะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา สว.สมชายพยายามชี้แจงให้ นาย Godec ว่าข้อมูลทั้งหมดที่คนไทยกลุ่มนั้นส่งไปไม่เป็นความจริง
กรณีนี้ ไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่คนไทยกลุ่มหนึ่ง อยู่ดีๆก็ส่งเอกสารดังกล่าวไปให้วุฒิสมาชิกของสหรัฐอเมริกา และวุฒิสมาชิกกลุ่มนี้ก็รับลูกไปดำเนินการต่อ โดยไม่มีการนัดแนะประสานกันล่วงหน้ามาก่อน
11. คุณพรรณิการ์ วาณิช กล่าวถึงรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ว่า มีที่มาเป็นเผด็จการ ไม่สามารถเข้าคลับของประเทศตะวันตกได้ ได้แต่คบกับรัสเซีย จีน และซาอุดิอเรเบีย ที่มีที่มาคล้ายๆกัน รัฐบาลไทยจะต้องสร้างสมดุล โดยหันไปทางประเทศประชาธิปไตยให้มากขึ้น
12. นาย Robert F. Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย แสดงความสนใจ และความกระตือรือล้นต่อผลการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างออกนอกหน้า โดยไม่มีสถานทูตประเทศอื่นๆแม้แต่แห่งเดียวที่แสดงออกเช่นนาย Godec
13. ทันทีที่ทราบผลการเลือกตั้ง คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โพสต์ข้อความใน social media เรียกร้องให้รัสเซียถอนทหารออกจากยูเครนโดยไม่มีเงื่อนไข และให้สัมภาษณ์วิจารณ์นโยบายต่างประเทศของรัฐบาลประยุทธ์ว่า ไม่มีจุดยืน เป็นไผ่ลู่ลม ทำให้ไม่มีที่ยืนในเวทีโลก หากก้าวไกลเป็นรัฐบาลจะทวงคืนศักดิ์ศรีการต่างประเทศไทย และยืนยันว่าตนเองกดดันให้ประเทศเมียนม่าร์กลับมาเป็นประเทศประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐอเมริกาต้องการ ทั้งที่หลักการสำคัญของอาเซียนคือ การไม่แทรกแซงซึ่งกันและกัน
14. คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จบจาก John F. Kennedy School of Government มหาวิทยาลัย Harvard ซึ่งสอนทางด้าน Public Policy, Public Administration เป็นสถาบันที่ปลูกฝังความเชื่ออย่างที่สหรัฐอเมริกาต้องการ ผู้ที่จบจากที่นี่ส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก และในระบอบทุนนิยม เสรีนิยม
โรงเรียนนี้มีความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับ World Economic Forum ซึ่งเป็น elite group ก่อตั้งโดยนาย Klaus Schwab มีสมาชิกประกอบด้วย นักการเมือง กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่จากประเทศต่างๆ ว่ากันว่าองค์กรนี้มีความพยายามที่จะกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของโลก คำว่า “New World Order” ก็เกิดขึ้นจากกล่ม elite กลุ่มนี้ และหลังจากสถานการณ์โควิดผ่อนคลาย ยังมีคำว่า ” The Great Reset” ออกมาอีกซึ่งก็ยังไม่ชัดเจนว่าจะ reset อย่างไร
นาย Schwab ยังได้ก่อตั้งหลักสูตรอบรมที่เรียกว่า Young Global Leaders ผู้ที่ผ่านการอบรมจากหลักสูตรนี้จำนวนมาก ได้ไปมีบทบาทเป็นผู้นำรัฐบาลในประเทศต่างๆทั่วโลก นาย Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีของ Canada และอีกหลายคนในคณะรัฐมนตรี ก็ผ่านการอบรมจากหลักสูตรนี้ ผู้ที่ผ่านการอบรมจากหลักสูตรนี้ และจาก John F. Kennedy School of Government ส่วนใหญ่ดูเหมือนจะดำเนินนโยบายเอนเอียงไปทางสหรัฐอเมริกาอย่างมาก
จะเห็นว่า หลังจากการเลือกตั้งไม่กี่วัน พรรคก้าวไกลยังไม่ทันได้เป็นรัฐบาล World Economic Forum ก็ส่งคณะผู้แทนเข้าพบคุณพิธา และเป็นที่น่าสังเกตว่า สื่อตะวันตก เช่น BBC Bloomberg Insider ต่างเผยแพร่ข่าวเชียร์คุณพิธาอย่างออกหน้าออกตา เห็นแล้วทำให้รู้สึกว่า ประเทศตะวันตกมึความพอใจที่จะได้คุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย มากกว่าคุณธนาธรเสียอีก ทำให้ขณะนี้คุณพิธามีความเจิดจรัสบดบังรัศมีของคุณธนาธร และอ.ปิยบุตรไปเกือบหมด
ทั้งหมดนี้คือเหตุการณ์ และข้อเท็จจริงต่างที่พอรวบรวมได้ ที่ทำให้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากว่า ประเทศตะวันตก ไม่เพียงแต่สหรัฐอเมริกา กำลังแทรกแซงการเมืองไทย
เรื่องนี้หากไปถาม ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่คร่ำหวอด ติดตาม และทำข่าวต่างประเทศมาอย่าวยาวนาน เขาจะตอบว่า ไม่น่าแปลกใจ และมีความเป็นไปได้สูง เพราะเขาทราบดีว่า สหรัฐอเมริกาแทรกแซงประเทศต่างๆในโลกมาแล้วมากมาย เช่น นิคารากัว อิรัก อัฟกานิสถาน ลิเบีย ซีเรีย และอีกหลายประเทศในอาฟริกา
ข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครปฏิเสธได้คือ สหรัฐอเมริกาทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับประเทศจีนอย่างเปิดเผย และในทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศไทยตั้งอยู่ในตำแหน่งที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญอย่างยิ่ง ทำให้สหรัฐอยากได้ไทยเป็นพวก ความจริงข้อนี้สามารถไปหาอ่านได้ในเอกสาร Indo-pacific Strategy ได้
การสร้างสถานกงสุลแห่งใหม่ที่ใช้เงินเกือบหมื่นล้านบาท มีชั้นที่อยู่ใต้ดินอีก 10 ชั้นต้องมีวัตถุประสงค์บางอย่างที่เกี่ยวกับเมียนม่าร์และจีนที่เปิดเผยไม่ได้อย่างแน่นอน
ที่เมียนมาร์ มีข่าวและรูปถ่ายเล็ดรอดออกมาว่า สหรัฐส่งอาวุธและคนไปฝึกอาวุธให้ชนกลุ่มน้อยและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเมียนม่าร์อย่างลับๆ เพื่อรบกับฝ่ายรัฐบาล เมื่อมีข่าวนี้ออกมา สหรัฐชี้แจงว่าผู้ที่ไปฝึกอาวุธเป็นอดีตนาวิกโยธิน จึงไม่เกี่ยวกับรัฐบาลสหรัฐแต่อย่างใด แต่ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เราก็คงคาดเดาได้ ดังนั้นจึงเชื่อได้อย่างยิ่ง ที่สหรัฐจะมีความต้องการที่จะเข้ามาตั้งฐานทัพในไทยเช่นเดียวกับที่ประเทศ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์
คำถามคือ หากคุณพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีในอีก 2 เดือนข้างหน้า คุณพิธาจะทำตัวเป็นลูกรักของสหรัฐอเมริกาหรือไม่ และจะยินยอมให้สหรัฐอเมริกามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือไม่
เราต้องติดตามดูต่อไป