‘วันนอร์’ หัวหน้าพรรคประชาชาติ เมตตา ให้อภัย ‘อัยย์ เพชรทอง’ ยอมความคดีหมิ่นประมาท หลังเจ้าตัวสำนึกผิด ขอโทษที่โพสต์เฟซบุ๊กใส่ร้าย ป้ายสี ปลุกปั่นสังคมด้วยข้อมูลเป็นเท็จ
วันที่ 27 พ.ค. 2566 นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ(ปช.) ในฐานะโจทก์ ได้มอบหมายให้นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ทนายความ ฟ้องนายอัยย์ เพชรทอง เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาท คดีหมายเลขดำที่ อ370/2566 ซึ่งเป็นคดีที่ 2 ที่ถูกฟ้อง โดยจำเลยได้โพสต์ใส่ร้ายในเฟซบุ๊ก ว่าโจทก์เป็นหัวหน้าโจร และกล่าวหาพรรคประชาชาติ ว่าเป็นพรรคโจร ซึ่งเป็นการปลุกปั่นสังคมด้วยข้อมูลเท็จ โดยได้โพสต์เผยแพร่ซ้ำๆ แม้จะถูกศาลตัดสินลงโทษจำคุกรวม 8 ปีในคดีหมิ่นประมาทก่อนหน้านี้ไปแล้ว
โดยในวันนี้ศาลยะลาได้นัดสืบพยาน ซึ่งนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา พร้อมทนายความและพยาน ได้เดินทางไปที่ศาลจังหวัดยะลา ขณะที่ นายอัยย์ เพชรทอง ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ต้องขังที่เรือนจำสงขลา ถูกเบิกตัวจากเรือนจำมาที่ศาล โดยถูกล่ามโซ่ที่ข้อเท้าและล็อกข้อมือไว้ ท่ามกลางการดูแลของตำรวจ
นายกมลศักดิ์ กล่าวว่า นายอัยย์ได้โพสต์ข้อความหมิ่นพรรคประชาชาติ หลังจากหัวหน้าพรรค และส.ส.พรรคประชาชาติ ได้เดินทางกลับมาจากการทำพิธีอุมเราะห์ ที่ซาอุดีอาระเบีย โดยได้โพสต์ข้อความกล่าวร้ายว่าเกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อการร้าย เป็นพรรคโจรมุสลิม เป็นกบฏมุสลิม และกล่าวร้ายว่าเป็นพรรคโจรกบฏ โดยได้โพสต์ในเฟซบุ๊ก 3 บัญชี และ เพจอีก 3 บัญชี จึงได้ฟ้องหมิ่นประมาทเป็นคดีที่สอง มีการไต่สวนแล้วพบว่ามีมูล จึงได้นัดสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ซึ่งศาลได้เป็นตัวกลางเจรจาไกล่เกลี่ย
นายกมลศักดิ์ กล่าวต่อว่า ปรากฏว่านายอัยย์ได้สำนึกผิด และยอมรับผิดในสิ่งที่ได้กล่าวหาว่า สิ่งที่โพสต์นั้นไม่เป็นความจริง และได้มีการขอโทษในห้องพิจารณาคดี ทางศาลได้บันทึกในรายงานกระบวนการพิจารณาว่าเขาได้ยอมรับผิด และกล่าวขอโทษต่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และพรรคประชาชาติ นั่นหมายความว่าสิ่งที่เขากล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริงด้าน นายมูฮัมหมัดรุสดี เชคฮารูณ รองโฆษกพรรคประชาชาติ ในฐานะพยานฝ่ายโจทก์ เปิดเผยว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ไม่เคยคิดอาฆาตมาดร้ายต่อผู้ใดเลย แม้ว่าท่านจะถูกใครกล่าวร้ายก็ตาม แต่กรณีของนายอัยย์มีพฤติกรรมยุยงปลุกปั่นให้สังคมขัดแย้งและแตกแยกทางศาสนา จึงมีความอันตรายต่อสังคมหากปล่อยไว้เช่นนี้ ท่านจึงได้ฟ้องไปแล้วครั้งแรก โดยคาดว่าจะสำนึกและขอโทษ แต่จำเลยไม่สำนึก จึงดำเนินคดีไปตามกระบวนการยุติธรรม
แต่ปรากฏว่าจำเลยก็ยังไม่หยุดพฤติกรรม ยังคงโพสต์หมิ่นประมาทอย่างต่อเนื่อง จึงได้ฟ้องอีกคดี ซึ่งคราวนี้ศาลพยายามไกล่เกลี่ยและเห็นว่าจำเลยสำนึกผิด นายวันนอร์จึงบอกว่าเมื่อคนสำนึกผิดแล้วก็ให้อภัย เพราะเห็นว่าจำเลยมีภรรยาและครอบครัวต้องดูแล หากสู้คดีแล้วศาลสั่งจำคุกเพิ่มก็จะไม่เป็นผลดีต่อครอบครัว นายวันนอร์จึงเมตตาและประนีประนอมยอมความ โดยท่านนำพระบรมราโชวาทของในหลวง ร.9 ว่า ชนะใจ ยอมให้อภัย คือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่