“บิ๊กแอ๊ด” พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรากูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม เปิดบ้านให้คนใกล้ชิด รดน้ำขอพรในวันสงกรานต์ พร้อมเผย มาช่วย”บิ๊กป้อม” ทำงานการเมืองกับ พปชร.ยืนยัน พรรคยังไม่ปิดตาย จับมือกับ เพื่อไทย-ก้าวไกล
วันที่ 13 เมษายน 2566 ที่บ้านเมืองเอก รังสิต พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เปิดบ้านให้อดีตนายพลหารที่เกษียณราชการ และคนใกล้ชิดที่เคยร่วมงาน เข้ารดน้ำขอพรเนื่องในวันสงกรานต์ปีใหม่ไทย
โดย พล.อ.ธรรมรักษ์ เปิดเผยว่า การกลับมาทำงานการเมืองครั้งนี้ไม่ได้วางเป้าหมายอะไรเป็นพิเศษ ด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทาบทามมาช่วยงานการเมือง และส่วนตัวมีเหตุผลเรื่องนโยบายของพรรคพลังประชารัฐตรงกับใจ คือนโยบายความปรองดอง ซึ่งส่วนตัวเคยได้ทำนโยบายปรองดองสมัยเป็นทหารนโยบาย 66/23 ใต้ร่มเย็น อีกอันคือเรื่องยาเสพติด โดยในสมัยพรรคไทยรักไทย ตน ได้รับตำแหน่ง รองนายกฯ และ อดีตรมว.กลาโหม สมัย “รัฐบาลทักษิณ” ได้รับผิดชอบและเกิดผลสำเร็จมากพอสมควร ซึ่งเวลานี้ปัญหายาเสพติดระบาดรุนแรง ต้องการเข้ามาร่วมวางแผนทำให้สำเร็จ จึงรับปากที่จะมาช่วย
“การมาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ถูกมองว่าคนละขั้วกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งอดีตคือพรรคไทยรักไทยที่เคยสังกัดนั้น ซึ่งเดิมตนเคยอยู่พรรคไทยรักไทย แต่ถูกยุบไปแล้ว ก็ถือว่าเลิกไปแล้ว แล้วตอนนี้เป็นพรรคเพื่อไทยเป็นคนละพรรคที่เคยอยู่ และการทำงานการเมืองครั้งนี้ก็ต้องไปสู้กันในสนามเลือกตั้งกับลูกน้องเก่า” พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว
ทั้งนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ในฐานะเป็นแม่ทัพเก่าในภาคอีสานที่คุมการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย ที่อดีตมี 126 เขต แต่ปัจจุบันมี 133 เขตเลือกตั้ง ปัจจุบันมาทำงานให้พรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่ามาร่วมงานในระยะเวลาสั้น และไม่ได้เป็นผู้คัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.เลย เพียงแต่มาเสริมและผลักดัน เพราะฉะนั้นเป้าหมายการคว้าเก้าอี้ ส.ส.แบบเก่าคงเป็นไปไม่ได้ แต่ส่วนตัวก็จะเจาะว่าเขตไหนเป็นไปได้ โดยวางเป้าให้ได้ ส.ส.ในภาคอีสานอย่างน้อย เฉลี่ยจังหวัดละ 1 คน ถือว่าพอใจแล้ว และยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยกระแสดี แต่ผู้สมัครบางคนก็ยังอ่อนแออยู่ พลังประชารัฐจะไปช่วงชิงตรงนั้น และรับไม่ได้ที่พอผลสำรวจชี้ว่าพลังประชารัฐจะได้ ส.ส.ในภาคอีสาน 4 คน โดยตั้งเป้าไว้เฉลี่ยจังหวัดละคน
อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่าจะสามารถทำพื้นที่ได้เนื่องจากเวลาลงพื้นที่ยังคงมีคนรู้จัก ฐานเสียงมาต้อนรับ มองว่าแม้จะผ่านมา 10 ปีแล้ว มาลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ถือว่าช้าเกินไป โดยในการหาเสียงในพื้นที่ชูว่าพรรคพลังประชารัฐจะต้องได้ ส.ส.มาเยอะๆ ถึงจะเป็นรัฐบาล จะพลักดันนโยบายที่ประกาศเอาไว้ได้ หากประชาชนเลือกน้อยเป็นฝ่ายค้านก็ไม่สามารถที่จะพลักดันนโยบายใดได้ เพราะฉะนั้นหากอยากเห็นนโยบายที่เราประกาศไป ก็ขอให้เลือกเรามากหน่อย
พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าวว่า ทั้งหมดอยู่ที่ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไร ถึงจะทราบว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้เป็นรัฐบาลหรือไม่ ดังนั้น จะบอกว่าตอนนี้มั่นใจหรือไม่มั่นใจไม่ได้ และหัวหน้าพรรคก็บอกแล้วต้องดูผลการเลือกตั้ง และไม่ทราบเรื่องการจับมือดีลกับพรรคการเมืองใด ส่วนการปฏิเสธจับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล นั้น หัวหน้าพรรคก็ได้บอกแล้วว่าเป็นการให้สัมภาษณ์ เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นมติพรรค ซึ่งยังถือว่ายังไม่ปิดประตูตายที่จะจับมือกับกับพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองอื่นๆ ไปได้ทุกขั้ว นโยบายไปกันได้ก็จะจับมือกันได้ เป็นไปได้หมด เลือกตั้งเสร็จแล้ว มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ใครจะจับมือกับใคร มันอยู่ที่นโยบายว่าไปกันได้หรือเปล่า ไม่ได้ปิดประตูตาย
นอกจากนี้ พล.อ.ธรรมรักษ์ ยังเปิดใจว่า การกลับเข้ามาทำงานการเมืองครั้งนี้ไม่ได้หวังตำแหน่งใดทางการเมือง วางมือทางการเมืองไปนานแล้ว มาช่วยงานเฉพาะกิจ ซึ่งก็ไม่ได้ลง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้คิด