“บิ๊กตู่” ปัดตอบปม ไม่ลง”ปาร์ตี้ลิสต์” รทสช. พปชร.วุ่นเคาะชิง 92ปาร์ตี้ลิสต์

นายกฯ ปัดตอบ เหตุผล ไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ รทสช. เมิน นักวิชาการวิเคราะห์ “ทักษิณ” กลับมาติดคุก” เป็นประโยชน์ต่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ขณะ พปชร.วุ่นเคาะชิง 92 ปาร์ตี้ลิสต์ “บิ๊กป้อม” เพิ่มเป้าส.ส.เขต 100 คน

วันที่ 28 มีนาคม 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กลาโหม ปฏิเสธตอบคำถามถึงสาเหตุที่ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โดยเดินออกจากวงสัมภาษณ์พร้อมกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “สวัสดีนะคะ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นเพราะว่า เป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียง 2 ปี ใช่หรือไม่ หรือ อยากเป็นนักการเมืองเต็มตัว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ไม่เกี่ยว” ส่วนกรณีที่ นักวิชาการวิเคราะห์ว่าหากนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเมืองไทยแล้วจะเป็นประโยชน์ต่อตัว พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ฟังคำถามพร้อมเดินขึ้นบันได และ กล่าวว่า “ก็ว่าไป”

ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อพิจารณาบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ตามที่คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อเสนอ โดยมี กก.บห.เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีการแจ้งให้ที่ประชุมทราบว่ามีผู้ที่มีรายชื่อเป็นผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ขอสละสิทธิไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากไม่พอใจที่ได้ลำดับท้ายๆ จำนวน 7 คน ได้แก่ นายนิพนธ์ นราพิทักษ์กุล ลำดับที่ 46 นายอนุชา เจริญรักษ์ ลำดับที่ 48 นายสมชาย เหล่าสายเชื้อ ลำดับที่ 51 นางลลิตา ฤกษ์สำราญ ลำดับที่ 55 นายธีระยุทธ วานิชชัง ลำดับที่ 60 นายธงชัย กสิกรรม ลำดับที่ 95 และนายชาติ จินดาพล ลำดับที่ 100 และเมื่อรวมกับนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ที่ขอสละสิทธิไปก่อนหน้านี้ ทำให้เหลือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อที่จะส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แค่ 92 คน นอกจากนี้ ยังมีการสลับลำดับกันเอง 2 กรณี กรณีแรกคือ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ที่อยู่ลำดับที่ 18 ได้ขอแลกกับนายอภิชัย เตชะอุบล ที่อยู่ในลำดับที่ 12 และกรณีที่สอง คือ นายปริญญา วันทา ลำดับที่ 40 ได้สลับกับนายภัฎ สุริวงษ์ ลำดับที่ 79 ทั้งนี้ นายอภิชัยยอมรับว่านายนิพิฏฐ์มาขอเปลี่ยน แต่ไม่เป็นไร เสียสละ

ขณะที่นายรงค์ บุญสวยขวัญ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช และ กก.บห. กล่าวภายหลังประชุมฯว่า ที่ประชุม กก.บห. มีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เป็นแคนดิเดตนายกฯเพียงชื่อเดียว โดยมี รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังที่ประชุมมีมติเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเป็นแคนดิเดตนายกฯ ทุกคนในห้องได้ปรบมือ จากนั้นเมื่อ พล.อ.ประวิตรนั่งลง ได้พูดกับที่ประชุมว่า “ขอให้สู้เต็มที่เพื่อประเทศชาติ ผมไม่ต้องการตำแหน่ง ไม่ต้องการอำนาจอะไร อยากทำงานให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ให้ประเทศชาติได้เจริญเติบโตก้าวหน้า ไม่ขัดแย้งกัน ผมจะทำเต็มที่ ทุ่มเต็มที่ จากเดิมที่ตั้งเป้า ส.ส.เขตไว้ที่ 70 คน ขอเป็น 100 คน ผมไม่ได้สนใจปาร์ตี้ลิสต์” ทั้งนี้ หลังพูดจบแกนนำหลายคนได้มองหน้ากันและพูดกันว่า ประโยคดังกล่าวเป็นคำใหญ่ของ พล.อ.ประวิตรแล้ว และเมื่อ พล.อ.ประวิตรกล่าวจบ ก็ได้ปิดประชุมทันที

ต่อมา พล.อ.ประวิตรให้สัมภาษณ์ว่า ในวันที่ 4 เมษายนนี้ จะมีการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเดินทางไปด้วยตัวเองเพื่อไปจับสลาก ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ถือฤกษ์เวลาที่จะเดินทางไปหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ก็ไปเวลาที่เขาไปกันนั่นแหละ” เมื่อถามว่า จะต้องลาราชการหรือไม่ เพราะตรงกับวันที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ต้องลาสิ” เมื่อถามว่า จะมีการเปลี่ยนลำดับของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เปลี่ยนไม่ได้แล้ว เพราะทำไพรมารีโหวตไปแล้ว เมื่อถามถึงกรณีที่นายทักษิน ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาตอบโต้ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ถึงการยกตำแหน่งเก้าอี้นายกฯให้กับ พล.อ.ประวิตร ได้คุยกับนายวิรัชถึงเรื่องดังกล่าวหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่ได้คุย พร้อมถามสื่อกลับว่า แล้วนายทักษิณว่าอย่างไร สื่อมวลชนจึงตอบไปว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้โง่ที่จะมอบตำแหน่งนายกฯให้พรรคอื่น ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้ตอบ แต่โบกมือปัด ก่อนนั่งรถออกจากที่ทําการพรรค