“นิพนธ์ บุญญามณี” ย้ำ ปชป. ชู นโยบาย กระจายอำนาจลดเหลื่อมล้ำ พร้อมยกระดับ อบต. ตั้ง ธนาคารท้องถิ่น เดินหน้าสู่เมืองมหานคร พื้นที่ไหนพร้อมยกระดับเป็น “จังหวัดจัดการตนเอง”
“เครือเนชั่น” ร่วมกับ สมาคมสันนิบาตเทศบาล จัดเวทีสัมมนา”ท้องถิ่นมั่งคั่ง ประเทศมั่นคง” เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ผ่านมา พร้อมการแสดงวิสัยทัศน์จากตัวแทนพรรคการเมือง ในการเพิ่มศักยภาพท้องถิ่น เพื่อความมั่นคงของประเทศ ที่ ห้องบอลรูมชั้น 5 รร.ไฮแอทรีเจนซี กรุงเทพ สุขุมวิท
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปชป. กล่าวว่า การกระจายอำนาจ ถือเป็นดีเอ็นเอของประชาธิปัตย์ วันที่คิดตั้งพรรคประชาธิปัตย์เมื่อ6เม.ย.2489 วันนั้นประกาศอุดมการณ์ 10 ข้อโดยเฉพาะข้อ 5 คือพรรคจะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะท้องถิ่นอยู่ใกล้ชิดประชาชนมากกว่าส่วนกลาง จึงไม่ต้องแปลกใจว่าไม่ว่ายุคใดที่ประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาลเราเป็นคนเสนอกฎหมายกระจายอำนาจ โดยเฉพาะกฏหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ตั้งแต่ปี 2528 รวมทั้งในยุคที่ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อปี2537 เราได้ยกร่างกฏหมายในการยกฐานะสภาตำบลให้เป็นองค์การบริหารส่วนตำบลจนถึงทุกวันนี้
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในปี 2542 เราได้มีการจัดทำกฎหมายแผนขั้นตอนการกระจายอำนาจซึ่งจนถึงขนาดนี้เรากระจายอำนาจไปแล้วสองแผน แผนแรกคือการกระจายภารกิจให้ท้องถิ่น 245 ภารกิจมีการถ่ายโอนไปแล้วกว่า 180 ภารกิจ ขณะที่แผนที่สองมีกว่า 100 ภารกิจกระจายไปแล้วกระจายไปแล้ว 77 ภารกิจขณะที่แผนที่สามกำลังจะตามมานี่คือนี่คือสิ่งที่ประชาธิปัตย์ทำเรื่องการกระจายอำนาจ
นิพนธ์ กล่าวย้ำว่า การกระจาย อำนาจเป็นหนทางที่จะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเมืองกับชนบทเมื่อปี 2523 ในยุคที่พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดทำแผนพัฒนาชนบท เราเห็นความแตกต่างระหว่างเมืองกับชนบทแต่ทันทีที่เราใช้การกระจายอำนาจมาแก้ปัญหาวันนี้เราไม่มีชนบทในประเทศไทย ไม่มีตำบลไหนที่ไม่มีถนนราดยาง การกระจายอำนาจจึงมีความสำคัญต่อประเทศ และเป็นการยืนยันว่าวันนี้เรามีการกระจายอำนาจได้แล้ววันนี้เรามีแต่เมืองขนาดเล็กขนาดกลางและขนาดใหญ่
นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์ จะขับเคลื่อนเดินหน้าเมืองขนาดใหญ่ไปสู่เมืองมหานคร โดยเฉพาะเทศบาลนคร วันนี้หากเทศบาลนครใดมีความพร้อม พรรคมีความพร้อมที่จะยกฐานะให้เป็นเทศบาลมหานคร หรือหากจังหวัดไหนมีความพร้อมพรรคประชาธิปัตย์เรายืนยันที่จะให้เดินหน้าไปสู่จังหวัดจัดการตนเองอย่างแน่นอน”นี่คือสิ่งที่เรากล้าบอกกับพี่น้องประชาชนนี่คือแนวทางการกระจายอำนาจและลดความเหลื่อมล้ำที่เป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด”
อดีต รมช.มหาดไทย กล่าวด้วยว่า มักจะมีคำครหาบอกว่ากระจายอำนาจไปมากเท่าไหร่การทุจริตมากขึ้นนั้น ขอยืนยันว่า ไม่จริง ตนในฐานะเคยเป็นนายกอบจ.มาก่อน “ผมสู้เรื่องนี้มายาวนานมากเวลาใครพูดเรื่องท้องถิ่นโกง ผมจะอ้างตัวเลขปี 2552-2559 ที่มีการประกาศว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทย 400,000 กว่าล้าน เชื่อหรือไม่ 200,000 กว่าล้าน กลับอยู่ที่ส่วนกลาง 100,000 กว่าล้านอยู่ที่รัฐวิสาหกิจ ขณะที่ท้องถิ่น164 ล้านเท่านั้น ที่กล่าวหาท้องถิ่นทุจริตจึงไม่เป็นความจริง”
“วันนี้ประชาธิปัตย์คิดว่ามันถึงเวลาที่เราต้องไม่ตัดเสื้อโหลแล้วบังคับท้องถิ่นให้ทำเหมือนกัน ทุกอย่างเป็นไปไม่ได้เพราะปัญหาท้องถิ่นแต่ละแห่งมีไม่เหมือนกัน” สิ่งที่ประชาธิปัตย์จะทำต่อเราจะต้องไปดูในเรื่องการจัดสรรงบประมาณให้ท้องถิ่นภาษีตัวใหม่ๆต้องกล้าที่จะคิดภาษีสิ่งแวดล้อมถึงเวลาที่ต้องคิดภาษีภัยพิบัติต้องคิดสิ่งเหล่านี้ให้เป็นฐานของท้องถิ่นได้หรือไม่แม้กระทั่งการให้ท้องถิ่นมีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กล้าจะแบ่งให้ท้องถิ่น”
“สิ่งสำคัญที่ประชาธิปัตย์จะทำคือ มีธนาคารเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเราประชาธิปัตย์ส่งสัญญาณชัดเจนต่อไปนี้ท้องถิ่นท้องถิ่นไหนมีโครงการดีดีแล้วไม่มีงบประมาณ จะต้องไม่มีเรื่องนี้เป็นข้อจำกัดในการพัฒนาเมือง เราจะให้มีสถาบันพัฒนาเมืองมาตรวจสอบ ถ้าโครงการไหนดี เขามีงบประมาณแน่นอน” นายนิพนธ์กล่าว