“ชูวิทย์” นำข้อมูล! ส่งไม้ต่อ “รังสิมันต์ โรม” ถล่มทุนจีนสีเทา ในศึกซักฟอก

“ชูวิทย์” บุกสภายื่นข้อมูลธุรกิจสีเทา ส่งไม้ต่อให้ “โรม” แกนนำ พรรคก้าวไกล ใช้เป็นข้อมูล อภิปราย ถล่ม รัฐบาลในศึกซักฟอกมาตรา 152 มั่นใจความกล้าหาญ ทำได้แน่

วันที่ 11 ม.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส. ยื่นข้อมูลการทุจริตกลุ่มธุรกิจสีเทาต่อ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (กก.) เพื่อพิจารณาใช้เป็นข้อมูลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152

โดย นายชูวิทย์ มั่นใจว่ามีข้อมูลสำคัญ ไม่เคยเปิดเผยกับสื่อมาก่อน เป็นข้อมูลที่ตนคิดว่าควรที่จะนำมาพูดในสภา เพราะนายรังสิมันต์ เป็นผู้แทนราษฎร ส่วนตนจะพูดอย่างไร ก็ได้แค่นั้นเพราะตนพูดอยู่ข้างนอก จึงได้นำข้อมูลมาให้นายรังสิมันต์ พิจารณาแต่จะรับหรือไม่ก็เป็นสิทธิ์ ซึ่งตนเป็นแค่ประชาชน เมื่อไม่มีใครติดต่อตน ตนก็มาที่นี่โดยตนเอง ทั้งนี้ นายรังสิมันต์ พูดเรื่องตำรวจ หรือ เรื่องผิดปกติของสังคมไทย หนึ่งในนั้นตนแน่ใจว่าเป็นเรื่องนี้ จึงได้นำเรื่องนี้มาให้นายรังสิมันต์พิจารณา

ทางด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่าต้องชื่นชม นายชูวิทย์จริงๆ ในการรวบรวมข้อมูลและเปิดโปงขบวนการจีนสีเทา และต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกล เราตั้งทีมศึกษาเรื่องนี้ เพื่อที่จะเจาะลึกข้อมูลและแสวงหาข้อเท็จจริงต่างๆ จากแหล่งข่าวต่างๆ จากตำรวจน้ำดี ที่ยังมีอยู่ในระบบ ยืนยันว่าพวกเราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการที่จะเอาเรื่องนี้มาพูดในสภา เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีความชัดเจนว่า จะอภิปรายมาตรา 152 จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลเรามีความสนใจเป็นอย่างยิ่งในการที่จะนำไปศึกษา หากมีข้อเท็จจริงที่หนักแน่นเพียงพอ เราก็พร้อมที่จะอภิปรายในสภาต่อไป ย้ำว่าเราจะทำหน้าที่อย่างหนักแน่นและจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่อย่างแน่นอน ที่สำคัญ เราต้องอาศัยพลเมืองดีแบบนี้ในการที่จะนำข้อมูลมาให้ เพราะลำพังพวกเราที่ทำหน้าที่อยู่ในสภา ไม่มีทางที่เราจะรู้เนื้อหาสาระ ความอัปลักษณ์ การทุจริตคอร์รัปชั่น ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยมากเท่ากับคนที่อยู่ในระบบแน่นอน

เชื่อว่านายชูวิทย์ สามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทย การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เราคงจะได้เห็นการพูดถึงเรื่องนี้แน่นอน ซึ่งอาจจะไม่ใช่แค่ พรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ที่จะหยิบยกเรื่องนี้เข้ามาพูด รวมถึงมีหลักฐานต่างๆ ที่เพียงพอจะสาวไปถึงคนในรัฐบาล โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี และขอฝากถึงประธาน และรองประธานฯ ที่จะควบคุมการประชุมว่า เรื่องนี้อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 บ้าง แต่จะพยายามให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด หากท้ายสุดจะมีการฟ้องร้องก็พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม อภิปรายต่อในศาล เพราะก่อนที่จะอภิปราย ต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลมาอยู่แล้ว จึงอยากให้ประธานสภาฯ และรองประธานฯ เข้าใจในการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา เพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติ

ต่อข้อถามว่า มีความกังวลว่าจะมีการยุบสภาเพื่อหนีการอภิปรายหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลคิดดีๆ เพราะหากเลือกยุบสภาก่อน แสดงว่าข้อกล่าวหานี้เป็นความจริง จึงอยากให้ทุกคนช่วยกันจับตา และไม่ใช่เฉพาะพรรคก้าวไกลที่จะอภิปรายเรื่องนี้ เชื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านหลายพรรคได้เตรียมข้อมูลอภิปรายเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ทั้งยังคงมีทางเลือกในการอภิปรายนอกสภาอยู่

เมื่อถามว่า ข้อมูลที่ระบุว่าไม่มีการเปิดเผยต่อสื่อฯ พอจะสามารถลงรายละเอียดลึกกว่านี้ได้หรือไม่ นายชูวิทย์กล่าวว่าตนไม่กล้าพูด เพราะการที่ตนพูดจะไม่เหมือนกับสิ่งที่นายรังสิมันต์เป็นคนพูด เพราะสิ่งที่ตนพูดจะเป็นแค่ประชาชนคนเล็กๆ ไม่สามารถที่จะพูดในเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าประชาชนได้ จึงได้ให้นายรังสิมันต์พิจารณาว่า ข้อมูลดังกล่าวมันใหญ่ ลึก กว้าง และครอบคลุมไปถึงว่าอาจจะล้มรัฐบาลชุดนี้ได้ ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบุคคลในรัฐบาล การที่นายรังสิมันต์พูดถึงในสภาก็มีสิทธิ์ มีหน้าที่มากกว่า แต่หากถามตนในวันนี้ตนคงพูดอะไรมากไม่ได้ อย่างไรก็ตาม การพูดของตนนอกสภาเป็นการพูดในฐานะประชาชนและคงไม่มีใครมาปิดปากตนได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นายรังสิมันต์จะพิจารณารับหรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวนายรังสิมันต์ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตน เพราะตนก็เป็นเหมือนประชาชนที่มาร้องเรียน เพียงแต่ว่าเสียงตนอาจจะดังขึ้นมาหน่อย

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่อาจจะมีการชิงยุบสภาก่อร นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตอนนี้ท่านก็เป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้วการจะยุบสภาต้องอาศัยปัจจัยหลายประการ